ชลประทานเมืองสองแควเผยปีนี้ปริมาณฝนน้อย เนื่องจากฝนทิ้งช่วงในฤดูฝน ส่งผลให้น้ำในเขื่อนหลักน้อยลง แนวโน้มเสี่ยงเจอภัยแล้ง ขอความร่วมมือเกษตรกรงดทำนาต่อเนื่อง และขอความร่วมมือทุกภาคส่วนประหยัดน้ำในทุกกิจกรรม

เมื่อวันที่ 9 ต.ค. นายชำนาญ  ชูเที่ยง ผอ.โครงการชลประทานพิษณุโลก เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำปัจจุบัน และแนวโน้มสถานการณ์น้ำในปี 2564 ดังนี้ ในแต่ละปีเรามีช่วงฤดูฝน 5 เดือน ประมาณ 150 วัน (เริ่ม 18 พ.ค. – 20 ต.ค.2563) และฤดูแล้ง 7 เดือน ประมาณ 215 วัน(1 พ.ย. – ประกาศเข้าฤดูฝน) ในปีนี้ปริมาณฝนอยู่ในเกณฑ์น้อยเทียบเท่าปี 2558 และ 2562 ที่ประสบภาวะภัยแล้งรุนแรง เนื่องจากประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงในฤดูฝน ตั้งแต่ ปลายเดือน พ.ค. จนถึง กลางเดือน ส.ค. และ เริ่มมีฝนชุกตั้งแต่ปลายเดือน ส.ค. – ก.ย. –ต.ค.  ส่งผลถึงปริมาณน้ำท่าและน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล, สิริกิติ์, แควน้อย,ป่าสัก) น้อยลงด้วย

ปัจจุบันปริมาณน้ำใช้การ 4 เขื่อนหลักของลุ่มเจ้าพระยา 22 จังหวัด มีน้ำเก็บกัก 11,768 ล้าน ลบ.ม. (47%) เป็นน้ำที่ใช้การได้ 5,072 ล้าน ลบ.ม. (28%) ซึ่งต่ำกว่าปี 2562 ที่วันเดียวกันนี้ มีน้ำ 5,444 ล้าน ลบ.ม. โดยต่ำกว่าประมาณ 400 ล้าน ลบ.ม.และยังต่ำกว่าความต้องการใช้น้ำในลุ่มเจ้าพระยา เฉพาะเพื่อการอุปโภค-บริโภค, รักษาระบบนิเวศน์ โดยไม่รวมภาคเกษตร ต้องมีน้ำใช้การ 4 เขื่อนหลัก 5,400 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่ปริมาณน้ำในเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เขื่อนหลัก นั้น ล่าสุดวันนี้ ปริมาณน้ำสามารถกักเก็บไว้ 416 ล้าน ลบ.ม.หรือ คิดเป็น 44 % ของความจุ ส่วนปริมาณน้ำที่ใช้การได้อยู่ที่ 372.72 หรือ คิดเป็น 40 % ของความจุ ขณะที่ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนแควนั้นอยู่ที่  7 ล้าน.ลบ.ม. ซึ่งยังถือว่าน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา

ความต้องการน้ำในการสนับสนุนการทำการเกษตรทั้ง 22 จังหวัด ต้องมีน้ำใช้การไม่น้อยกว่า 8,000 – 12,000 ล้าน ลบ.ม. ดังนั้น จากแนวโน้มสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงภัยแล้ง จึงขอความร่วมมือ ดังนี้ 1.งดทำนาปีต่อเนื่อง และ งดทำนาปรัง ปี 2563/64  2.งดสูบน้ำจากสถานีสูบน้ำไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนการเพาะปลูกข้าวฤดูนาปรัง  3.ขอความร่วมมือ ทุกภาคส่วน ช่วยประหยัดน้ำในทุกกิจกรรม  และ 4.เกษตรกร ควรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย หรือพืชทางเลือกอื่น ตามคำแนะนำของกระทรวงเกษตรฯ รวมถึงการส่งเสริมอาชีพอื่น ๆ