เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 21 ต.ค.2563 พ.อ.รุ่งคุณ  มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 พร้อมด้วย พ.อ.นพ.วิโรจน์  ชนม์สูงเนิน รองโฆษกฯ แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 104 ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก ดังนี้ โครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปี 2563 (ความร่วมมือกองทัพบก – มูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูปถัมภ์) ซึ่งให้การช่วยเหลือประชาชนในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาระบบการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ตามแนวคิดในการให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการน้ำตามลักษณะภูมิสังคมของชุมชน และตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง โดยกองทัพภาคที่ 3 ได้มอบหมายให้หน่วยทหารช่าง จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์ทางทหารเข้าทำการสำรวจพื้นที่ ที่ประชาชนมีความต้องการแหล่งน้ำ เพื่อร้องขอการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลในการปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปี 2563 ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 4 จังหวัด 29 โครงการฯ

การสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย พล.ท.อภิเชษฐ์  ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 ได้กำชับให้ทุกหน่วยที่มีพื้นที่ตามแนวชายแดน ได้เฝ้าระวังการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายของกลุ่มแรงงาน  ต่างด้าว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างจริงจัง โดยได้สั่งการให้กองกำลังนเรศวร และกองกำลังผาเมือง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่จังหวัดตาก, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่   และเชียงราย ซึ่งมีแรงงานต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองมาขายแรงงานอยู่เป็นประจำ ได้เพิ่มมาตรการอย่างเข้มงวดในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ดังนี้ เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามช่องทาง/ท่าข้ามที่ล่อแหลม และการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดตามเส้นทางตามแนวชายแดน ไทย – เมียนมา รวมทั้งความเข้มงวดในการตรวจบุคคลและยานพาหนะ บริเวณจุดตรวจ/ด่านตรวจ และจุดสกัดกั้น รวมทั้งเส้นทางอ้อมผ่านจุดตรวจ/ด่านตรวจฯ เพื่อสกัดกั้นและป้องกันการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าว หลังพบว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในรัฐต่าง ๆ ของเมียนมา

 จัดชุดปฏิบัติการ รวมทั้งชุดแพทย์ทหาร ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ไปตามหมู่บ้านและชุมชน ให้คอยเฝ้าระวังสอดส่องหากพบบุคคลต้องสงสัยให้รีบแจ้ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ หรือแจ้งศูนย์ดํารงธรรมจังหวัด ทางสายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป การติดตั้งไฟส่องสว่างในช่องทางที่ล่อแหลม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ การทำเครื่องกีดขวางและปรับปรุงลวดหนาม บริเวณช่องทาง/ท่าข้ามตามธรรมชาติ ประสานความร่วมมือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง, หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ และผู้นำชุมชน     ให้เข้ามามีส่วนร่วม ในการเพิ่มมาตรการในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว, ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ทั้งการแจ้งเบาะแส, การกระจายข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวมถึงการสร้างการรับรู้ เข้าใจ และรับทราบข้อมูลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ยังได้ประสานไปยังประเทศเมียนมา ผ่านคณะกรรมชายแดนส่วนท้องถิ่น หรือ TBC      ในการให้ความร่วมมือในการสกัดกั้นแรงงานดังกล่าว โดยในห้วงวันที่ 1 – 20 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา กองกำลังนเรศวร และกองกำลังผาเมือง สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน 23 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 55 คน

การกินอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ช่วงโควิด-19 เสี่ยงป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (โรค NCDs) จากข้อมูลงานวิจัยของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่าวัยรุ่นกินอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ช่วงโควิด-19 มียอดการสั่งอาหารออนไลน์เพิ่มสูง โดยเป็นอาหารจานด่วน  มากถึง 61 เปอร์เซ็นต์ หวั่นคนไทยเสี่ยงป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs พร้อมชวนลดสร้างขยะพลาสติกทำลายสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ท.อภิเชษฐ์  ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 มีความห่วงใยต่อข้าราชการทหารในสังกัด และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จึงได้มอบหมายให้โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่ง ในพื้นที่ภาคเหนือ ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เพื่อเฝ้าระวังกลุ่มโรค NCDs รวมทั้งแนะนำการป้องกันได้ง่าย ๆ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรา หันมาดูแล สุขภาพร่างกาย รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ควบคุมน้ำหนักตัว และตรวจสุขภาพเป็นประจำ

ซึ่งหากพบว่าตนเองหรือคนรอบข้าง มีอาการบ่งชี้ หรือสงสัยว่าป่วยด้วยโรคตามขั้นต้น ขอให้ได้ไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ หรือโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้าน เพื่อคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาต่อไป