วัดนิมิตธรรมาราม จัดสถานที่เตรียมจัดงานลอยกระทง ยังคงคอนเซ็ปต์เก๋ไก๋ ไฮไลท์ของงานคือเกมส์ตักไข่พาโชคในราคา 10 บาท มอบรางวัลให้แก่ผู้โชคดี เป็นเครื่องจักสานภูมิปัญญาท้องถิ่น ฝีมือกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชนกว่า 100  ชิ้น

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 ต.ค. ผู้สื่อรายงานว่า ที่วัดนิมิตธรรมาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดบ้านกร่างท่างัว” หมู่ 6 ต.บ้านกร่าง อ.เมือง จ.พิษณุโลก พระครูวิริยธรรมนิมิต เจ้าอาวาส พร้อมด้วยชาวบ้านกำลังช่วยกันจัดสถานที่เตรียมจัดงานลอยกระทง ประจำปี 2563 ระหว่างวันที่ 30 – 31 ตุลาคม 2563 โดยไฮไลท์ของงานในปีนี้คือเกมส์ตักไข่พาโชค ลุ้นรับของรางวัลมากมายในราคาไข่ใบละ 10 บาทเท่านั้น เพื่อหารายได้เข้าวัดนำไปทำนุบำรุงพระศาสนาต่อไป

พระครูวิริยธรรมนิมิต เจ้าอาวาสวัดนิมิตธรรมาราม เปิดเผยว่า ปีนี้ไฮไลท์ของงานยังคงเป็นเกมส์ตักไข่พาโชค ที่จะไม่เหมือนที่อื่น เพราะทางวัดได้ใช้เครื่องจักสานไม้ไผ่ภูมิปัญญาท้องถิ่น ฝีมือคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน ที่มารวมตัวกันตั้งแต่ช่วงเข้าพรรษา เพื่อเร่งสาน ตะข้องจับปลา สุ่มจับปลา กะโล้ กะด้ง ตะแกรง สุ่มไก่ กรงนก และอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันจะหาคนมาสืบทอดภูมิปัญญานี้ได้ยาก ที่ผ่านมาชาวบ้านต้องช่วยกันหาไม้ไผ่ในชุมชน แล้วมาช่วยกันจักตอกสานเป็นเครื่องใช้ในอดีตที่ผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทย ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จะจักสานได้กว่า 100 ชิ้น เพื่อนำมาเป็นรางวัลของเกมส์ตักไข่พาโชคในงานวันลอยกระทง

โดยจุดเริ่มต้นเกิดจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทางวัดได้บอกบุญไปยังชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อขอรับบริจาคของรางวัลที่จะนำมาจับรางวัลในเกมส์ตักไข่พาโชค ซึ่งก็มีชาวบ้านมาร่วมบุญเป็นจำนวนมาก นำของมาร่วมบริจาคเยอะ ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า รถจักรยาน ผ้านวม โดยเฉพาะเครื่องจักสานเนื่องจากชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นเป็นผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ และยึดอาชีพสานเครื่องจักสาน จึงนำมาถวายวัดมีทั้ง ตะข้องจับปลา สุ่มจับปลา กะโล้ กะด้ง ตะแกรง สุ่มไก่ กรงนก และอื่น ๆ ทางวัดจึงนำเครื่องจักสานทั้งหมดมารวมกับรางวัลอื่น ๆ

เมื่อถึงวันจัดงานปรากฏว่า มีคนมาร่วมงานลอยกระทงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนต่างถิ่น เมื่อมาตักไข่ 10 บาทแล้วได้รางวัลพวกเครื่องจักสานไป ทุกคนกลับดีใจ เพราะเป็นภูมิปัญญาของคนสมัยก่อน และสามารถนำไปใช้งานได้จริง หรือตั้งโชว์ก็ได้ ตนและชาวบ้านเห็นว่ากลับเป็นเรื่องดี จึงยึดการนำเครื่องจักสานมาเป็นรางวัลตั้งแต่นั้นมา แต่ได้ปรับเปลี่ยนจากไปขอรับบริจาคเครื่องจักรสาน ก็ขอเป็นวัสดุจำพวกไม้ไผ่แทน และให้คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านมารวมตัวกันสานโดยชักชวนเยาวชนคนรุ่นหลังมาร่วมด้วย เพื่อเป็นการสืบสานภูมิปัญญา และยังได้สร้างความสมัครสมานสามัคคีกันในชุมชน