นักท่องเที่ยวพากันเดินทางไปลอดใต้ท้องเรือรับเสด็จ และกราบสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ภายในศาลานาวาเสด็จน่านนที วัดราชบูรณะ เพื่อความเป็นสิริมงคล นับเป็นจุดแลนมาร์คยอดนิยมของนักเสี่ยงโชคชาวเมืองสองแควอีกหนึ่งแห่ง

วันหยุดสุดสัปดาห์ขอพาไปเที่ยวชมวัดเก่าแก่ของจังหวัดพิษณุโลกอีกวัดหนึ่ง ซึ่งเป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดกันจำนวนมาก และเพียงวัดเดียวที่รถรางนำเที่ยวของเมืองพิษณุโลก จะไม่เลี้ยวผ่านเข้าวัด เนื่องจากหากเป็นโปรแกรมพาเที่ยวไหว้พระ 9 วัดแล้ว ถ้าเลี้ยวรถรางเข้ามาภายในวัดราชบูรณะ จะต้องใช้เวลานานมาก เนื่องจากมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โบราณสถานและสิ่งของเก่าแก่ที่น่าสนใจหลากหลายให้ชมให้ศึกษาเรียนรู้กันมากจริง ๆ จึงขอแนะนำว่าหากนักท่องเที่ยวจะมาที่วัดแห่งนี้ จะต้องคำนวณเวลาเผื่อไว้จะได้ไม่ต้องเร่งรีบในการเดินทางไปสถานที่อื่น ๆ

สำหรับวันนี้ขอเล่าถึงเรื่อง เรือโบราณ ที่ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี 1 ลำ อยู่ภายในศาลานาวาเสด็จน่านนที ซึ่งเป็นห้องกระจกอยู่ด้านหน้า วิหารหลวงพ่อทองดำ พระพุทธรูปที่สวยงามควบคู่กับหลวงพ่อทองสุขและหลวงพ่อทองขาว ที่ประดิษฐานอยู่ภายในอุโบสถ หากมีเวลาจะได้เขียนให้รับทราบกันอีกครั้ง พระครูสถาพร  สังฆกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ เล่าให้ฟังว่า เมื่อครั้งสมัยรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสเมืองพิษณุโลกราวปี พ.ศ.2444 ชาวเมืองพิษณุโลกใช้เรือลำนี้ พร้อมทั้งเรือร่วมขบวนประมาณ 20 ลำ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งข้าราชบริพาร โดยเรือหลวงนั้นจะจอดไว้ที่ จ.นครสวรรค์ และเมื่อรัชกาลที่ 5 เสด็จกลับ จึงนำเรือร่วมขบวนเสด็จขึ้นเก็บไว้ยังวัดต่าง ๆ ทุกวันนี้ที่ยังมีให้เห็นกันอยู่ เช่น วัดบางทราย วัดท่าตะเคียน เป็นต้น

เมื่อปี พ.ศ.2527 ทหารค่ายสฤษดิ์เสนามาช่วยพัฒนาวัดอยู่หลายร้อยนายพบเรือลำนี้จมอยู่ใต้ดิน พระอธิการสิน อมโร (จิตรจอม) เจ้าอาวาสวัดในขณะนั้นจึงขอให้เหล่าทหาร ช่วยนำเรือขึ้นมาไว้ที่ใต้หอไตรปิฎก เมื่อบูรณะเสร็จจึงนำไปไว้ที่หน้าศาลาการเปรียญ ต่อมาปี พ.ศ.2533 ทางวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) ได้นำไปบูรณะซ่อมแซมต่อเติมแล้วนำลงลอยแม่น้ำน่าน ในนาม เรือพระยาจีนจัตตุ ช่วงงานแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราชพิษณุโลก 400 ปี หลังจากนั้นนำขึ้นมาจัดเก็บไว้ที่วัดราชบูรณะ คาดว่าเป็นเรือที่ประทับ เพราะมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาเรือร่วมขบวนเสด็จ มีขนาดกว้าง 1.70 เมตร ยาว 12 เมตร

ทุกปีจะมีพิธีบวงสรวงในวันปิยมหาราช เพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนการจัดเก็บเรือนั้นปัจจุบันได้มีการสร้างศาลาที่มีประตูปิดมิดชิดอย่างดี และมีฐานวางเพื่อให้เรือยกสูงขึ้น เหตุที่ต้องจัดเก็บไว้โดยการยกเรือให้สูงจากพื้นนั้น มีความเชื่อว่าการที่ผู้ใดลอดใต้ท้องเรือนั้นจะเกิดความเป็นสิริมงคลต่อตนเอง อีกทั้งสมัยโบราณนั้นมีความเชื่อกันว่า หากใครที่โดนคุณไสยหรือพบเจอสิ่งไม่ดี ก็จะนำน้ำใต้ท้องเรือที่จอดอยู่มาดื่ม หรือมาล้างหน้า ล้างตัว ทางวัดจึงยกให้สูงขึ้นเพื่อให้คนที่ลอดใต้ท้องเรือแคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง ในส่วนของการลอดใต้ท้องเรือนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะลอด 3 – 5 รอบ หรือ 9 รอบ ตามแต่ศรัทธา โดยการลอดใต้ท้องเรือนั้น ให้อธิษฐานก่อนแล้วเริ่มลอดจากท้ายเรือไปยังหัวเรือ ส่วนมากแล้วคนที่มากราบสักการะขอพรบนบานต่าง ๆ มักจะมาขอพรเรื่องการเดินทางไกลให้ปลอดภัยโดยสวัสดิภาพ ขอให้ประสบสำเร็จทุกสิ่งอย่างในด้านหน้าที่การงาน และเมื่อประสบความสำเร็จสมหวังแล้วจึงกลับมาแก้บน โดยนำดอกกุหลาบมาถวายแก้บน บางคนนำมาถวายมากถึง 900 ดอก

นอกจากเรือรับเสด็จแล้วข้างศาลานาวาเสด็จน่านนที ยังมีศาลแม่ย่านางที่คอยดูแลรักษาเรืออยู่ด้วย นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป ต่างจุดธูปและคล้องพวงมาลัย ไหว้ขอพรและขอโชคลาภ ที่ผ่านมาผู้ใดประสบโชคสมหวังดั่งที่ตั้งใจ ก็จะนำชุดไทยมาให้แม่ย่านางเรือรับเสด็จ สมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นการแก้บน ทำให้ปัจจุบันชุดไทยและพวงมาลัยนั้นเรียงรายเต็มบริเวณศาลแม่ย่านางเรือรับเสด็จกันเลยทีเดียว ที่สำคัญผู้ที่ลอดใต้ท้องเรือรับเสด็จส่วนใหญ่ มักจะมองท้องเรือเพื่อหาตัวเลขไปเสี่ยงโชคกันอีกด้วย

ข่าว/ภาพ  :  สุนิสา  ลาสม