รวม 2 หญิงชาวเมียนมา และ 4 คนไทย ลอบเข้าเมืองไทยโดยผิดกฎหมาย โดยข้ามแม่น้ำเมยบริเวณเส้นทางตามช่องทางธรรมชาติ เจ้าหน้าที่พบกลุ่มบุคคลนั่งเรืออยู่กลางแม่น้ำเมยมีบางส่วนเผ่นลงน้ำว่ายกลับเข้าฝั่งเมียนมาไปได้จำนวนหนึ่ง ส่วนคนไทยจับได้ขณะโดยสารลงยนต์ได้แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า กองกำลังนเรศวร โดย ฉก.ร.4 ทำการลาดตะเวนเฝ้าตรวจ ในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณริมแม่น้ำเมย หมู่ 7 บ้านวังตะเคียน ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ตรวจพบกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา นั่งเรือยนต์จากฝั่งประเทศเมียนมา เข้ามายังฝั่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนขอตรวจสอบ โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวเมื่อสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้กระโดดลงจากเรือ และว่ายน้ำหลบหนีข้ามไปยังฝั่งประเทศเมียนมา จากการตรวจสอบบนเรือพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา เป็นหญิง จำนวน 2 คนทราบชื่อคือ  น.ส. วาฮีดา (ไม่มีนามสกุล) อายุ 15 ปี และ ด.ญ. นาเดีย (ไม่มีนามสกุล) อายุ 12 ปี เป็นบุคคลสัญชาติเมียนมา เบื้องต้นไม่พบเอกสารหลักฐานในการเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร หน่วยจึงได้ควบคุมตัวบุคคลดังกล่าว และตรวจยึดเรือยนต์ จำนวน 1 ลำ  ส่งให้กับ ตม.จว.ตาก เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

และในวันเดียวกัน ยังตรวจพบชาวไทย จำนวน  4 คน ลักลอบนั่งเรือยนต์ข้ามแม่น้ำเมยจากฝั่งประเทศเมียนมา เข้ามายังฝั่งประทศไทย และได้หลบหนีด้วยรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแอลพาส สีดำ ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน จนท.จึงได้ทำการติดตามรถยนต์คันดังกล่าว จนมาถึงบริเวณลานจอดรถท่าข้ามที่ 11  หมู่ 3 บ้านท่าอาจ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก  โดยพบกลุ่มบุคคลชาวไทยลักษณะท่าทางมีพิรุธ เมื่อคนขับรถยนต์สังเกตเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้ขับหลบหนีไป จากการสอบถามบุคคลทั้งหมดให้การว่า ได้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายจริง จึงได้ควบคุมตัว ส่งให้กับ พนักงานสอบสวน สภ.แม่สอด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับบุคคลที่ทำการจับกุมทั้งหมด ได้ดำเนินการส่งตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่โรงพยาบาลแม่สอด ตามมาตรการการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19  ทั้งนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 ได้กำชับให้ทุกหน่วยที่มีพื้นที่ตามแนวชายแดน ได้เฝ้าระวังการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายของกลุ่มแรงงานต่างด้าว และชาวไทย เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวดในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวที่จะลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย