กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ตรึงกำลังสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และเตรียมความพร้อมของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 ห้วงฤดูหนาว และแจ้งเตือนโรคภัยที่มาพร้อมกับฤดูหนาว

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 ธ.ค. พ.อ.รุ่งคุณ  มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 และ  พ.อ.นพ.วิโรจน์  ชนม์สูงเนิน รองโฆษกกองทัพภาคที่ 3  แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ครั้งที่ 111 ต่อสื่อมวลชน ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก เกี่ยวกับการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย, การเตรียมความพร้อมของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 ในห้วงฤดูหนาว และการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤต, สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 โดย พ.อ.รุ่งคุณ กล่าวว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้พิจารณาให้ระงับการใช้ช่องทางการเข้าออกประเทศในทุกพื้นที่ที่มีเขตติดต่อชายแดน เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 มาจนถึงปัจจุบัน

โดย พล.ท.อภิเชษฐ์  ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้กำชับให้ทุกหน่วยที่มีพื้นที่ตามแนวชายแดน ได้เฝ้าระวังการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายของกลุ่มแรงงานต่างด้าว รวมทั้งคนไทยที่ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านและลักลอบกลับเข้ามาในประเทศไทย เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างจริงจัง โดยได้สั่งการให้กองกำลังนเรศวร และกองกำลัง    ผาเมือง ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่จังหวัดตาก, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่ และเชียงราย ได้เพิ่มมาตรการอย่างเข้มงวดในการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมเพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เหมือนที่ปฏิบัติในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ในทุก ๆ พื้นที่ บูรณาการกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประสานไปยังประเทศเมียนมา ผ่านคณะกรรมชายแดนส่วนท้องถิ่น (TBC) ในการให้ความร่วมมือในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว

รวมไปถึงคนไทยที่ไปทำงานในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านและลักลอบกลับเข้ามาในประเทศไทย  เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามช่องทาง/ท่าข้ามที่ล่อแหลม และการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดตามเส้นทางตามแนวชายแดน ไทย – เมียนมา รวมทั้งความเข้มงวดในการตรวจบุคคลและยานพาหนะ บริเวณจุดตรวจ/ด่านตรวจและจุดสกัดกั้น และเส้นทางอ้อมผ่านจุดตรวจ/ด่านตรวจฯ เพื่อสกัดกั้นและป้องกันการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าว หลังพบว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในรัฐต่างๆ ของเมียนมา และ จัดชุดปฏิบัติการ รวมทั้งชุดแพทย์ทหาร ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ไปตามหมู่บ้านและชุมชน ให้คอยเฝ้าระวังสอดส่องหากพบบุคคลต้องสงสัยให้รีบแจ้ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ หรือแจ้งศูนย์ดํารงธรรมจังหวัด ทางสายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

นอกจากนี้ ได้มีการติดตั้งไฟส่องสว่างในช่องทางที่ล่อแหลม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่  การทำเครื่องกีดขวางและปรับปรุงลวดหนาม บริเวณช่องทาง/ท่าข้ามตามธรรมชาติ ประสานความร่วมมือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง, หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ และผู้นำชุมชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการเพิ่มมาตรการในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว การแจ้งเบาะแส  โดยระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน – 5 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา กองกำลังนเรศวร และกองกำลังผาเมือง สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน 20 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 64 คน เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในส่วนของกำลังพลทหาร ทางกองทัพบก ได้ทำคู่มือทหารต้านโควิด ในการปฏิบัติการดำเนินการในหน้าที่ ของทหารส่วนหน้าและตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด การปฏิบัติการทางการแพทย์ การเฝ้าระวังโรค มีการดำเนินการอย่างเข้มงวดเฉพาะราย เฉพาะกรณี

ด้าน พ.อ.นพ.วิโรจน์  ชนม์สูงเนิน รองโฆษกกองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูหนาว ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.2563 และจากการคาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูหนาวของประเทศไทยพบว่า ช่วงเวลาที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุด  จะเริ่มตั้งแต่ประมาณกลางเดือนธันวาคม 2563 ถึงปลายเดือนมกราคม 2564 และสิ้นสุดประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยคาดการณ์ว่าในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวม 52 จังหวัด จะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดในบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณยอดดอย ยอดภู และเทือกเขาจะมีอากาศหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง

พล.ท.อภิเชษฐ์  ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการให้ หน่วยขึ้นตรง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 ในทุกพื้นที่หน่วยทหาร เตรียมความพร้อมในการเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยหนาว ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ทันที โดยความร่วมมือของส่วนราชการ, ภาคเอกชน และประชาชนจิตอาสาในการระดมศักยภาพ ทั้งทางด้านกำลังพล, ยุทโธปกรณ์ และชุดแพทย์เดินเท้าเคลื่อนที่ในการให้ความช่วยเหลือตามความต้องการของประชาชน หากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ประสบภัยหนาวและต้องการความช่วยเหลือ กรุณาแจ้งข่าวสารได้ที่หน่วยทหารใกล้บ้าน หรือศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 หมายเลขโทรศัพท์ 055 – 242859, เว็บไซต์ : กองทัพภาคที่ 3 (ทภ.3) http://army3.rta.mi.th/, เฟซบุ๊ก : ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 3 และทวิตเตอร์ : กองทัพภาคที่ 3 (@army3news) เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยหนาวในพื้นที่เป็นการเร่งด่วน

ฤดูหนาวถึงแม้จะเป็นฤดูที่หลาย ๆ คนชอบ แต่ก็เป็นฤดูที่อาจนำความเจ็บป่วยบางอย่างมาให้กับคนเราหลายอย่าง โดยเฉพาะถ้าเราดูแลสุขภาพไม่ดี ถึงแม้ประเทศไทยอากาศจะไม่หนาวเท่ากับหลาย ๆ ประเทศ แต่อุณหภูมิในฤดูหนาวบางปี และในบางพื้นที่ก็สามารถทำให้เราเจ็บป่วยได้ ซึ่งโรคที่จะมาพร้อมกับฤดูหนาว ได้แก่ โรคไข้หวัด, โรคไข้หวัดใหญ่, อาการหอบหืดในผู้ป่วยโรคหอบหืดและโรคปอดเรื้อรังกำเริบ, โรคภูมิแพ้, อุณหภูมิในร่างกายต่ำเกินไป (Hypothermia) และผิวหนังแห้ง ลอกและคัน ในการนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 มีความห่วงใยต่อข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 และพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จึงได้มอบหมายให้โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่ง ในพื้นที่ภาคเหนือ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เพื่อเฝ้าระวังโรคภัยที่มาพร้อมกับฤดูหนาว ซึ่งหากพบว่าตนเองหรือคนรอบข้าง มีอาการบ่งชี้ หรือสงสัยว่าป่วยด้วยโรค    ตามขั้นต้น ขอให้ได้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ หรือโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้าน เพื่อคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาต่อไป