โค้งสุดท้ายเลือกตั้งนายกและ ส.อบจ.อุตรดิตถ์ เข้มข้น

ช่อ “พรรณิการ์” ช่วยผู้สมัคร นายก อบจ. อุตรดิตถ์ ลั่นเรื่องมาตรา 111 หากติดคุกแล้วทำให้ผู้สมัครคณะก้าวหน้าได้รับชัยชนะ ก็ถือว่าคุ้ม
เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 15 ธันวาคม 63 ที่ตลาดสดเทศบาลตำบลศรีพนมมาศ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ลงพื้นที่เชิญชวนพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาเลือกซื้ออาหารและจับจ่ายสินค้าในช่วงเช้า ซึ่งประชาชนบางรายก็ขอถ่ายภาพร่วมกับ น.ส.พรรณิการ์ เพื่อเป็นที่ระลึก พร้อมแจกใบแนะนำตัว นายปัณณวัฒน์ นาคมูล (จเร) ผู้สมัคร นายก อบจ.อุตรดิตถ์ เบอร์ 4 คณะก้าวหน้า จากนั้น น.ส.พรรณิการณ์ได้ขึ้นรถแห่หาเสียงรอบตัวเมือง อย่างไรก็ตามการหาเสียงของ น.ส.พรรณิการ์ ที่ช่วยผู้สมัคร อบจ.คณะก้าวหน้าช่วงโค้งสุดท้ายได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างดี เนื่องจากมีเพียงคณะเดียวเท่านั้น ที่แกนนำทั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และ น.ส.พรรณิกาณ์ ต่างก็ลงพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์คนละ 2 ครั้ง ส่วนนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้าอีกคนลงพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ 1 ครั้ง

จังหวัดไหนที่ส่งแล้วหวังแพ้เลือกตั้งแต่ส่งเพื่อหวังชนะ แต่เป้าหมายของคณะก้าวหน้าก็เหมือนกับการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 62 ที่ผ่านมา อยากจะให้ได้ทุกภาค เช่นกันครั้งนี้ก็ส่งทุกภาคๆก็มีความมุ่งหวังว่าจะได้ปักหมุด โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคอีสาน พี่น้องประชาชนให้การตอบรับอย่างดีมาก คาดหวังว่าจะได้จากหลายจังหวัด เหลืออีก 4-5 วัน จังหวัดที่มีลุ้นมีเยอะมาก ตอนนี้แกนนำหมดแรงแล้ว เพราะว่ามีจังหวัดที่ต้องไปช่วยหาเสียงที่จะได้รับใช้ชนะเยอะ ช่วงโค้งสุดท้ายเป็นช่วงที่ประชาชนจะตัดสินใจแล้ว ส่วนใหญ่ประชาชนก็จะตัดสินใจกันในช่วง 7 วันสุดท้าย เพราะฉะนั้นช่วงนี้แกนนำก็ทำงานกันหนักที่สุด เชื่อมั่นว่าผู้สมัครคณะก้าวหน้าจำนวนมากมีโอกาสได้รับชัยชนะเช่นกัน

น.ส.พรรณิการ์ วานิช กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายของคณะก้าวหน้าไม่ใช่แค่คนรุ่นใหม่ มีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนทุกกลุ่มอยู่แล้ว จะชนะเลือกตั้ง อบจ.ได้คงไม่สามารถพึ่งพาคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือวัยใดวัยหนึ่งได้ แต่ตอนที่เป็นพรรคอนาคตใหม่อาจจะใช่ กลุ่มเป้าหมายคือคนรุ่นใหม่ คนจะรู้จักผ่านโซเชียลมีเดียเยอะ ทำงานการเมืองพิสูจน์ตัวเองมา 2 ปีกว่า คนทุกวัยเข้าถึงเข้าใจพวกเราแล้ว อย่างการเดินตลาดก็เห็นได้ชัดว่า พ่ออุ้ยแม่อุ้ยจำนวนมากก็ชอบคณะก้าวหน้า โดยเฉพาะช่วงที่ถูกกลั่นแกล้งรังแก ส่วนใหญ่แล้วคนสูงอายุก็จะใจอ่อน และบอกว่าคนหนุ่มๆ สาวๆ จะทำงาน ทำไมต้องมาขัดขวางหาเสียงก็ยังไม่ได้ ก็ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากกลุ่มคนสูงอายุเยอะ เพราะฉะนั้นเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนคณะก้าวหน้าเชื่อว่า ถ้าจิตใจเชื่อมั่นฝั่งประชาธิปไตยเชื่อมั่นในความเป็นธรรม ไม่ชอบเห็นคนถูกกลั่นแกล้งถูกรังแก ไม่ชอบเห็นคนที่ทำงานเพื่อบ้านเมืองแต่ต้องถูกยัดคดียัดข้อหา มั่นใจว่าคณะก้าวหน้าจะได้รับความเห็นใจจากคนทุกกลุ่มอย่างแน่นอน

“ส่วนเรื่องมาตรา 111 ต้องพูดให้ชัดไปทุกเวทีก็พยายามพูดว่า มีฝ่ายตรงข้ามพยายามปล่อยข่าวว่า เลือกคนของคณะก้าวหน้าคะแนนจะทิ้งน้ำเสียเปล่า เพราะว่าจะโดนใบแดงจาก กกต.นี่คือคำโกหกเพราะกลัวว่าเราจะชนะ ก่อนหน้านี้พยายามเล่นงานพวกเราว่า เราถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองมาช่วยหาเสียงไม่ได้ ก็วันนี้ชัดเจนแล้วว่าเราสามารถทำได้เพราะ กกต.ก็ยืนยันแล้ว เราเป็นผู้ช่วยหาเสียงถูกต้องตามกฎหมายมาช่วยหาเสียงได้ เพราะฉะนั้นไม่มีสิทธิ์มาแจกใบแดงผู้สมัครคนของคณะก้าวหน้าอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่รู้จะเล่นไม้ไหน มาเล่นว่าเลียนแบบพรรคการเมือง และเลียนแบบพรรคการเมืองก็ไม่เกี่ยวกับผู้สมัครของพวกเรา เป็นข้อกล่าวหาเฉพาะตัวของนายธนาธร นายปิยบุตร และ น.ส.พรรณิการ์ ถ้าเกิดจะตัดสินถึงขั้นเอาผิดกันจริง ๆ จะติดคุกก็ติดไป เราเป็นคนติดไม่ใช่ผู้สมัคร ถ้าหากช่วยผู้สมัครหาเสียงแล้วได้รับชนะแล้วต้องติดคุกก็ถือว่าคุ้ม ไม่มีคำว่าเหนื่อยเปล่าเสียเปล่า ทุกคะแนนจะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอุตรดิตถ์และอีก 41 จังหวัดของประเทศไทย” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
ข่าว : ประสิทธิ์ ผึ้งสุข