อดีตข้าราชการครู ลาออกเพื่อทำตามความฝันคือปั่นจักรยาน 2 ล้อโบราณคู่กาย ท่องเที่ยวทั่วไปและต่างประเทศแล้วกลับไปที่บ้านเกิดในภาคใต้ สุดท้ายทนคิดถึงภรรยาไม่ไหวปั่นจักรยานมุ่งหน้าสู่เชียงใหม่โดยค่ำไหนนอนนั่นตามสไตล์ พร้อมเปิดหมวกเป่าขลุ่ยเล่นโยคะ เพื่อรับเงินบริจาคตามตลาดสดและชุมชนเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายระหว่างการเดินทาง เปิดใจจะปั่นจักรยานท่องเที่ยวจนหมดลมหายใจ

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.63  ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า ได้พบกับ นายชูชาติ พรหมพันธุ์ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84/1 หมู่ 11 บ้านป่าเปางาม ต.ออนใต้ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ อดีต ผอ.โรงเรียนสบแม่รวม อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่ลาออกจากข้าราชการเพื่อทำตามความฝันคือการเป็น นักปั่นทัวร์ริ่ง โดยปั่นจักรยาน 2 ล้อแบบโบราณเดินทางท่องเที่ยวทั่วทุกจังหวัด รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านมาแล้วถึง 10 ประเทศ กำลังนั่งจดบันทึกในสมุดอยู่ที่ภายในวัดกลาง ต.นครไทย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนครไทยโบราณ ในวัดมีโบราณวัตถุสถานที่สำคัญ เช่น พระอุโบสถเก่า สันนิษฐานว่าสร้างโดยฝีมือช่างล้านนาไทยหรือช่างชาวพม่า เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลานาคปรก ปางสมาธิ ศิลปะสมัยลพบุรี และมีต้นจำปาขาวเก่าแก่หลายร้อยปี ที่เชื่อว่าพ่อขุนบางกลางท่าวหรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ปลูกไว้ หลังจากกราบสักการะพระบรมรูปพ่อขุนบางกลางท่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามทราบว่า อ.ชูชาติ เป็นคนชอบปั่นจักรยานมาตั้งแต่เด็ก กระทั่งเข้ารับราชการบรรจุเป็นครูผู้น้อยที่โรงเรียนสบแม่รวมและขึ้นเป็นผู้อำนวยการ ระดับ 7 สพท.เชียงใหม่ เขต 5 ก็ยังรักการปั่นจักรยานอยู่ตลอด ส่วนตัวแล้วเป็นคนอารมณ์ดีไม่เครียดชอบท่องเที่ยว แต่ไม่ชอบขับรถยนต์ ทั้ง ๆ ที่บ้านมีรถยนต์กระบะ และรถจักรยานยนต์ ชอบปั่นจักรยานมากกว่าเพราะไม่ต้องเติมน้ำมัน ไม่ต้องสนใจว่าน้ำมัน จะถูกหรือจะแพง และที่สำคัญได้ออกกำลังกายไปในตัว กระทั่งปี 2549 จึงได้ตัดสินใจลาออกทำตามความฝัน คือการเป็นนักปั่นทัวร์ริ่ง ปัจจุบันอายุ 66 ปี แล้ว ไม่เคยที่จะเจ็บป่วยถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ชอบออกกำลังกาย ทำให้มีสุขภาพพร่างกายแข็งแรง ก่อนหน้านี้เคยปั่นจักรยานโบราณคู่ใจจากเชียงใหม่ไปบ้านเกิดที่ อ.ลำทับ จ.กระบี่ ก่อนปั่นจักรยานคู่ใจท่องเที่ยวไปทั่วประเทศไทย และไปประเทศเพื่อนบ้านมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นประเทศมาเลเซีย ลาว สิงคโปร์พม่า เวียดนาม แคว้นสิบสองปันนา เมืองจีน และอินโดนีเซีย ในชีวิตคิดว่า ระยะทางที่ปั่นจักรยานมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 แสนกิโลเมตร

ในระหว่างการเดินทางด้วยจักรยานสองล้อคู่ใจ ของที่จะนำติดตัวไปด้วยคือ ของใช้เล็กน้อย เสื้อผ้า 2-3 ชุด และเต้นท์นอนขนาดเล็ก ออกเดินทางไปเรื่อย ๆ ค่ำที่ไหนก็จะนอนที่นั่น นอนพักที่วัดบ้าง กางเต้นท์นอนข้างทางเองบ้าง แล้วไปขออาบน้ำตามปั๊มน้ำมัน หรือสถานีตำรวจหากไม่ได้นอนพักภายในวัด ในแต่ละวันก็จะมีการเปิดหมวกแสดงโชว์เป่าขลุ่ยไทย นำแผ่นรูปภาพ หนังสือภาพต่างๆ ออกวางโชว์ให้คนได้ชมกัน และอธิบายเล็กน้อยให้พอเข้าใจ โดยให้ภาพต่างๆ เป็นตัวเล่าเรื่องแทน ซึ่งก็เป็นที่สนใจของชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก และยังได้แสดงความสามารถพิเศษในการตีลังกา เล่นกล โยคะ เพื่อนำเงินที่ได้รับจากการบริจาคไปใช้จ่ายในแต่ละวัน โดยหวังว่าการเดินทางท่องเที่ยวในแต่ละครั้งจะใช้จ่ายอย่างประหยัดที่สุด เพื่อนำรายได้ที่เหลือส่งกลับบ้านไปให้ภรรยาใช้จ่ายด้วย

อ.ชูชาติ เปิดเผยต่อว่า ทริปนี้ตนปั่นจักรยานมาจาก จ.กระบี่ มุ่งหน้าไป จ.เชียงใหม่ เพื่อไปหาภรรยาเพราะทนคิดถึงไม่ไหว จากนั้นก็จะปั่นจักรยานท่องเที่ยวต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ จากนั้น อ.ชูชาติ ได้ปั่นจักรยานไปเป่าขลุ่ยและแสดงโยคะโชว์ความแข็งแรงของร่ายกายภายในตลาดเย็นที่บริเวณลานอเนกประสงค์ บริเวณหน้าที่ว่าการ อ.นครไทย ก่อนที่จะไปนอนพักที่บ้านเพื่อน แล้วจะปั่นจักรยานไปที่เชียงคาน จ.เลย เพื่อส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่เชียงคาน