“บิ๊กต้น” สั่งเข้มดูสถานการณ์ไฟป่าและค่า PM 2.5

แม่ทัพภาคที่ 3 กำชับหน่วยทหารลดภาวะหมอกควัน พร้อมดูแลสุขภาพกำลังพลของหน่วยและประชาชนในพื้นที่เสี่ยงต่อปัญหาฝุ่นควันในจังหวัดที่คุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐาน เบื้องต้นพบมี 14 จังหวัดของภาคเหนือ
เมื่อวันที่ 27 ม.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ห้องประชุมคชรัตน์ 1 กองบัญชาการ กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมืองพิษณุโลก พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 3 เป็นประธานในการประชุมวีดีโอคอนเฟอเรนต์หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำชับเรื่องเร่งด่วนปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพื้นที่ของ กอ.รมน.ภาคที่ 3 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาการบุกรุกที่ดินทำกิน ปัญหายาเสพติด ปัญหาการแพร่ระบาดโรคโควิด – 19 ในพื้นที่ชายแดน และที่สำคัญคือปัญหาหมอกควัน PM2.5 และไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ ที่นับวันจะเพิ่มขึ้นจนได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง


พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้เน้นย้ำการแก้ไขปัญหา pm 2.5 ในพื้นที่ที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะ 14 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดแพร่ จังหวัดตากและจังหวัดพะเยา รวมทั้งภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งจากการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ พบว่ามีค่า PM 2.5 ระหว่าง 32 – 85 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ค่า PM 10 ระหว่าง 49 – 133 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรและค่าAQI ระหว่าง 39 – 185 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับ ปานกลาง ถึง เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ใน 17 จังหวัดภาคเหนือวันนี้พบจุดความร้อนกว่า 271 จุดโดยเป็นพื้นที่อนุรักษ์ 123 จุด พื้นที่ป่าสงวน จำนวน 91 จุดและเขต สปก.จำนวน 28 จุด เบื้องต้นมณฑลทหารบก และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด ร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ ลดจุดความร้อน โดยฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละออง ในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดสุโขทัย


นอกจากนี้ทางแม่ทัพภาคที่ 3 ยังได้สั่งการให้หน่วยในพื้นที่ที่มีค่า PM 2.5 ที่เข้าข่ายเริ่มมีผลกระทบกับสุขภาพ นั้น ให้งดนำกำลังพลออกกำลังกายกลางแจ้ง จนกว่าค่า PM 2.5 จะลดลงจนปกติเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อสุขภาพ รวมทั้งขอให้ประชาสัมพันธ์ให้กำลังพลและครอบครัวงดกิจกรรมในที่โล่งแจ้ง หากค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน ตลอดจนติดตามสถานการณ์ค่าคุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิดด้วย