จังหวัดร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 บินสำรวจพื้นที่เกษตร ชุมชน  และป่าสงวนฯ ที่เป็นรอยต่อ ในการถูกลักลอบเผาป่า หลังสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จ.พิษณุโลก พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง และมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน พร้อมให้ ทหารประชาสัมพันธ์กระจายเสียงทางเฮลิคอปเตอร์ รณรงค์ให้ประชาชนหยุดเผาป่าและพื้นที่การเกษตร

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 นายรณชัย  จิตรวิเศษ ผวจ.พิษณุโลก ร่วมประชุมหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและการเผาในที่โล่งเพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองอากาศขนาดเล็ก (PM 2.5)  และร่วมปล่อยอากาศยานในการประชาสัมพันธ์และลาดตระเวนเฝ้าระวังในเขตพื้นที่ป่าที่หน่วยบินทหารบกยุทธวิธีที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อ.เมืองพิษณุโลก โดยร่วมกันประเมินสถานการณ์ PM 2.5 ฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ที่กลับมาถึงขั้นมีผลกระทบต่อสุขภาพอีกครั้ง และในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าค่า PM.2.5 พุ่งสูงที่สุดในภาคเหนือ. สาเหตุจากการเผาพื้นที่เกษตร โดยตรวจพบจุดความร้อนมากที่สุดในพื้นที่เกษตรและป่าสงวนที่ อ.วังทอง อ.นครไทย อ.วัดโบสถ์  และโดยเฉพาะในช่วงเช้าวันนี้ วัดค่า PM 2.5  ได้ 63 มคก./ลบ.ม. ถือว่าเริ่มมีผลต่อสุขภาพ จากนั้นกองร้อย ปจว. ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจและประชาสัมพันธ์ผ่านเครื่องขยายเสียงระยะไกลกว่า  10 กม. โดยประกาศขอความร่วมมือให้ประชาชนงดการเผาป่าเพื่อหาของป่า การเผาพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชนติดกับพื้นที่อุทยานฯ ของ อ.วัดโบสถ์, วังทอง, ชาติตระการ และ อ.นครไทย

นายรณชัย  จิตรวิเศษ ผวจ.พิษณุโลก กล่าวว่า ปัจจุบันจังหวัดพิษณุโลกได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5  เริ่มมีผลต่อสุขภาพจึงจำเป็นต้องเร่งแก้ปัญหา ทั้งนี้อยากขอความร่วมมือจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนลดวิถีการใช้ชีวิตแบบเดิมในการเผาป่าเพื่อหาของป่า รวมทั้งการเผาพื้นที่การเกษตร ในอนาคตจำเป็นจะต้องหาอาชีพมาทดแทนในที่ประชาชนจะใช้วิธีการเผาหาของป่า เพราะทำให้เกิดปัญหาอย่างมากต่อการเกิด ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ภารกิจวันนี้ทางจังหวัดโดยศูนย์อำนวยการป้องกันและควบคุมไฟป่าและหมอกควันนะครับของจังหวัด ภายใต้การดำเนินการของผู้อำนวยการควบคุมไฟป่าภาค 3 คือ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ขอความร่วมมือจากหน่วยบินทหารบกยุทธวิธีที่ 3 บินสำรวจดูพื้นที่ที่มีการจุดไฟ มีการไหม้ของไฟป่าในพื้นที่ อ.วังทอง และ อ.วัดโบสถ์ พร้อมกับประชาสัมพันธ์ทางอากาศไปด้วย

ในวันนี้จะบินเพื่อสำรวจดูพื้นที่ที่เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติติดกับชุมชน ถ้าติดตามข้อมูลการประชาสัมพันธ์ของข่าวต่าง ๆ จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ทำงานหนักมาก จะต้องเดินเข้าไปในป่าซึ่งเป็นป่าที่รกทึบ มีเศษวัสดุของกิ่งไม้ใบไม้และหญ้าแห้ง เป็นพื้นที่สูงชันทำงานด้วยความลำบากเสี่ยงต่อชีวิตด้วย เพราะว่ามีโอกาสที่จะพลัดตกจากภูเขาสูงหรือว่ามีโอกาสได้รับอันตรายจากไฟป่า ถ้าพี่น้องที่อยู่ในชุมชนที่มีอาชีพเคยชินกับเรื่องนี้ ในช่วงนี้ก็อยากให้หยุดในเรื่องของการจุดเผา วิธีการเก็บหาของป่าหรือการหาสัตว์ป่ามีหลายวิธีที่ไม่ต้องใช้การเผา ก็อยากให้ปรับเปลี่ยน และเข้าใจรวมทั้งเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้วยความยากลำบาก การเผาป่าถือว่าเป็นความผิดตาม พรบ.ป่าสงวนฯ พรบ.ป่าไม้ และการเผาป่าถ้าลุกลามไปไหม้ทรัพย์สินของหน่วยงานภาครัฐหรือของชาวบ้านก็ถือว่าเป็นความผิดทางอาญาด้วย