ชาวบ้านกรมธรรม์-ดงประโดก ต.สมอแข  เดือดร้อนถูกเวนคืนถนนสาย ฉ2 ถนนผ่ากลางหมู่บ้าน บางจุดแนวหูช้างขยายเกินความจำเป็น ร้องศูนย์ดำรงธรรมและยื่นหนังสือผ่าน ส.ส. นั่งรถวีลแชร์รับเรื่องร้องทุกข์ เพื่อพิจารณาแก้ไข โดยมีชาวบ้านเดือดร้อนได้รับผลกระทบจำนวน 67 หลังคาเรือน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก มีตัวแทนของชาวบ้าน หมู่ 3 และ หมู่ 8 หมู่บ้านกรมธรรม์-ดงประโดก ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้เดินทางมายื่นหนังสือเรื่องราวร้องทุกข์ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก เพื่อมอบให้กับ นายรณชัย  จิตรวิเศษ ผวจ.พิษณุโลก เนื่องจากขณะนี้มีชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 3 และหมู่ 8 ต.สมอแข ได้รับผลกระทบเรื่องที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย กรณีถูกเวนคืนเพื่อสร้างถนนสาย ฉ 2 ตามผังเมืองรวม จ.พิษณุโลก อย่างไม่เป็นธรรม โดยมีกรมทางหลวงชนบทเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการตามโครงการ โดยรูปแบบถนนโครงการที่จะก่อสร้างใหม่เป็นถนนลาดยางขนาด 4 ช่องจราจร ระยะทางรวม 9.627 กม. เริ่มต้นที่ทางหลวงหมายเลข 12 ประมาณ กม. 8+300

ห่างจากถนนทางหลวงชนบทสาย พล.2032 ประมาณ 600 เมตร ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือตัดกับทางหลวงหมายเลข 11 ประมาณ กม.2+180 จากนั้นจะไปทางทิศตะวันตกจนบรรจบถนนธรรมบูชา (ถนนของ อบจ.พิษณุโลก) เป็นจุดสิ้นสุดโครงการ มีความกว้างผิวจราจรช่องละ 3.50 เมตร มีไหล่ทางข้างละ 3.50 เมตร มีเกาะกลางแบบถมกว้าง 4.20 เมตร เขตทางประมาณ 30 เมตร ซึ่ง ครม. มีมติอนุมัติหลักการ “เวนคืนที่ดิน” หรือ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ ต.สมอแข ต.ดอนทอง ต.อรัญญิก ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2563 ที่ผ่านมา ใช้งบประมาณในการดำเนินโครงการ 1,103.5750 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสำรวจเพื่อเวนคืนที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ โดยบริษัทบุญปัญญา เทคโนโลยี จำกัด

นางสุริยา  ดอนตุ้มไพร อายุ 67 ปี ข้าราชการบำนาญ เปิดเผยว่า ตนเองเป็นตัวแทนของชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกเวนคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่อาศัย เพื่อดำเนินการก่อสร้างถนนสาย ฉ 2 วันนี้จึงเดินทางมากับตัวแทนชาวบ้านรวม 10 คน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 จากการสำรวจเบื้องต้นของพวกตนพบว่ามีบ้านที่จะต้องถูกเวนคืนประมาณ 67 หลังคาเรือน และที่ดินทำกินอีกจำนวนหลายไร่ จึงส่งผลทำให้มีชาวบ้านเดือดร้อนไม่ต่ำกว่า 100 ราย เพราะอาศัยอยู่กันเป็นครอบครัวและเครือญาติ ส่วนบ้านของตนนั้นที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน ภายหลังชีวิตเกษียณราชการกับลูก ๆ ก็ถูกเวนคืนเกือบทั้งหมด โดยตนเองและชาวบ้านไม่ได้อยากขัดขวางความเจริญของส่วนรวม แต่อยากให้การทำถนนสาย ฉ 2 ครั้งนี้ มีการทำประชาคมที่โปร่งใสและยุติธรรม เนื่องจากถนนสาย ฉ 2 นั้น มีจุดตัดกับถนนทางหลวงหมายเลข 11 และตัดผ่านกลางหมู่บ้าน

ซึ่งมีบ้านของประชาชนปลูกสร้างอยู่อย่างหนาแน่น จะส่งผลกระทบเรื่องที่อยู่อาศัยในอนาคต นางสุริยา กล่าวต่อว่า หลายปีที่ผ่านมามีการทำประชาคมสำรวจออกแบบก่อสร้าง ถนนสาย ฉ 2 ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย คัดค้านมาโดยตลอด และมีชาวบ้านบางส่วนก็ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ดังนั้นชาวบ้านที่ได้รับความเดือนร้อนและได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ จึงอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านในพื้นที่อย่างจริงจัง เพราะแนวถนนกว้าง 30 เมตร แต่ชาวบ้านไปทำการวัดระยะจริงตามที่มีเจ้าหน้าที่มาปักหลักเขตเอาไว้ พบว่ามีความกว้างมากถึง 60 เมตร ชาวบ้านจึงต้องการให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลโครงการก่อสร้าง ถนนสาย ฉ 2 ทบทวนพร้อมปรับแก้ไขแนวถนนใหม่ โดยเลี่ยงหรือเบี่ยงเส้นทางที่ไม่ตัดผ่านกลางหมู่บ้าน ทั้งนี้เพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดด้วย

ด้าน นายอุทัย  ดอนตุ้มไพร อายุ 67 ปี อดีตข้าราชการครู เปิดเผยว่า ตนไม่เห็นด้วยสำหรับการดำเนินการก่อสร้างโครงการถนนสาย ฉ 2 เพราะบริเวณนั้นมีถนนสายหลักทางหลวงหมายเลข 12 บริเวณสี่แยกอินโดจีน ที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จไม่นานมานี้ เพื่อช่วยระบายปริมาณรถจากเขตเมืองออกสู่อำเภอรอบนอก และยังมีถนนสายเลี่ยงเมืองจากสี่แยกไทยแอร์โร่มุ่งหน้าสี่แยกดงประโดก อยู่ระหว่างหมู่บ้านที่ห่างกันประมาณ 3 กม. เท่านั้น จึงต้องการให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลโครงการก่อสร้างถนนสาย ฉ 2 ฟังเสียงของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะชุมชนแห่งนี้ชาวบ้านอยู่กันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ที่ดินที่อยู่อาศัยที่มีก็เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ ถ้าต้องถูกเวนคืนแล้วชาวบ้านจะไปอาศัยอยู่ที่ไหน

หลังจากตัวแทนชาวบ้านยื่นหนังสือร้องทุกข์ให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลกแล้ว นายนพพล  เหลืองทองนารา สส. พิษณุโลก เขต 2 ที่นั่งรถวีลแชร์มาเพื่อพบกับ ผวจ.พิษณุโลก เนื่องจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ จ.นครสวรรค์ ก่อนหน้านี้ ได้เข้าสอบถามข้อมูลพร้อมกับรับเรื่องร้องทุกข์จากตัวแทนชาวบ้าน ที่ได้รับความเดือนร้อนจากการเวนคืนสร้างถนนสาย ฉ 2 ไว้ พร้อมรับปากกับชาวบ้านว่า ตนเองพอจะทราบที่มาที่ไปของการก่อสร้างถนนสาย ฉ 2 ในเบื้องต้นแล้ว เพราะได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยจะนำเรื่องร้องทุกข์ความเดือดร้อนของชาวบ้านทั้งหมดยื่นต่อคณะกรรมาธิการสวัสดิการสังคม  คณะกรรมาธิการคมนาคม และ คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อดำเนินการพิจารณาเรื่องเข้าสู่ ครม. พร้อมทั้งจะติดตามลงพื้นที่ไปดูความเดือนร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ต่อไป