รมว.พม.ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก ดึง 9 หน่วยงาน ลงนามความร่วมมือ เร่งขับเคลื่อน “พืชทางเลือก”สมุนไพรเศรษฐกิจฐานราก ช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนกลุ่มเปราะบางและเครือข่ายเกษตรกร

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 ที่ศาลาประชาคม ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายจุติ  ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การขับเคลื่อน “พืชทางเลือก” สมุนไพรเศรษฐกิจฐานราก ระหว่างสภาเกษตรกรจังหวัดพิษณุโลกกับ 8 หน่วยงานสำคัญ ได้แก่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พิษณุโลก มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร  จ.พิษณุโลก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จ.พิษณุโลก นิคมสร้างตนเองบางระกำ นิคมสร้างตนเองทุ่งสาน และเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร จ.พิษณุโลก เพื่อแสดงพลังสำหรับการขับเคลื่อนพืชทางเลือกสมุนไพร เศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์ของกลุ่มผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบาง และเครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่

นายจุติ รมว.พม. เปิดเผยว่า รัฐบาลมีเป้าหมายในการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรายได้สูง โดยใช้พื้นที่เกษตรให้เกิดผลิตภาพใหม่ ๆ ภายใต้ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2569 โดยยกระดับภาคการเกษตรดั้งเดิมไปสู่เกษตรอัจฉริยะ (สมาร์ทฟาร์มมิ่ง) และเกษตรปลอดภัย (GAP) เพื่อเป็นทางรอดให้กับประเทศไทย รวมทั้งการขับเคลื่อนงานเชิงพื้นที่ โดยอาศัยคุณค่าของ “ความหลากหลายทางชีวภาพ” และ “ความหลากหลายทางวัฒนธรรม” ที่มีอยู่เฉพาะในแต่ละภูมิภาคของประเทศ มาผนวกกับการบริหารจัดการสมัยใหม่ ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มด้วยองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อสร้างเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจและเปิดโอกาสให้แต่ละพื้นที่สามารถพึ่งพาตนเองพึ่งพากันเอง และรวมกันเป็นกลุ่มอย่างมีพลังที่เข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

วันนี้ถือเป็นความน่ายินดีที่สภาเกษตรกร จ.พิษณุโลก พร้อมด้วยสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในพื้นที่ เข้ามาให้การสนับสนุนด้านองค์ความรู้ นวัตกรรมที่เหมาะสม ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชทางเลือกสมุนไพรเศรษฐกิจฐานราก ตลอดจน กอ.รมน. จ.พิษณุโลก ที่เข้ามาสนับสนุนกำลังพล และส่งเสริมการอนุรักษ์พันธุ์พืช พันธุ์พืชสมุนไพรที่หายาก ไปสู่ระบบเกษตรกรรมแบบยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมที่เหมาะสม ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการประสานความร่วมมือเชิงบูรณาการในระดับพื้นที่ เพื่อการสนับสนุนทรัพยากรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ของพี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบางและเครือข่ายเกษตรกรอย่างทันต่อสถานการณ์ และสามารถพัฒนาต่อได้อย่างยั่งยืนต่อไป

นายจุติ กล่าวต่ออีกว่า กระทรวง พม. ได้ขับเคลื่อนงานดังกล่าวโดยจะขออนุญาตให้ใช้ที่ดินในพื้นที่แปลงที่สงวนเอาใช้ในงานราชการของแต่ละนิคมสร้างตนเอง ตามความเหมาะสมและศักยภาพในการบริหารจัดการให้เข้ามาทำเป็นแปลงทดลอง สร้างงานสร้างอาชีพการปลูกและการแปรรูปพืชสมุนไพร สำหรับ จ.พิษณุโลก มีนิคมสร้างตนเองอยู่จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ นิคมสร้างตนเองบางระกำ และนิคมสร้างตนเองทุ่งสาน ซึ่งจะเป็นการบูรณาการการพัฒนางาน การใช้พื้นที่ของนิคมสร้างตนเอง ร่วมกับส่วนราชการ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคมและภาคประชาชนเข้ามาสนับสนุน เสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก โดยการทดลองใช้พื้นที่แปลงสงวนมาทำการเกษตรเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ และเพิ่มทางเลือกในการสร้างรายได้หลักและรายได้เสริมให้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางของ จ.พิษณุโลก ในรูปแบบจังหวัดนำร่อง “พิษณุโลกโมเดล” ก่อนจะพิจารณาขยายการบริหารจัดการไปดำเนินการในพื้นที่ของนิคมสร้างตนเองในจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีกระจายอยู่ในจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศรวม 43 แห่ง และคาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะสามารถช่วยสนับสนุนกิจกรรมการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับพี่น้อง ประชาชน ได้เป็นอย่างดี