กองทัพภาคที่ 3 ดำเนินการตามโครงการ “คนไทย ไม่ทิ้งกัน” กองทัพบก และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พาคนกลับบ้าน

วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 พ.ท.วรปรัชญ์  กาศสกุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 141 ที่ศูนย์เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อ.เมืองพิษณุโลก ว่า ตามที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์  จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้มอบหมายให้หน่วยทหารทั่วประเทศ ระดมใช้ศักยภาพของทรัพยากรที่มีอยู่ สนับสนุนรัฐบาลดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งลดภาระระบบสาธารณสุข ในพื้นที่ส่วนกลางกระจายไปยังส่วนภูมิภาค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วย พร้อมกำชับให้หน่วยดูแลกำลังพล เน้นย้ำให้ปฏิบัติตามแนวทางของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ควบคู่ไปกับมาตรการพิทักษ์พลอย่างเคร่งครัด และสวมใส่เครื่องป้องกันตนอย่างเหมาะสม ตลอดจนดูแลให้ได้รับการฉีดวัคซีนตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้มีความแข็งแรง พร้อมปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบอย่างปลอดภัย นั้น

ในการนี้ พล.ท.อภิเชษฐ์  ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ได้เป็นประธานพิธีปล่อยขบวนรถในโครงการ “คนไทย ไม่ทิ้งกัน” กองทัพบก และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พาคนกลับบ้าน เพื่อไปรับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย (ผู้ป่วยสีเขียว) จาก กรุงเทพมหานครฯ กลับยังภูมิลำเนาในพื้นที่ภาคเหนือ เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2564 และเมื่อวันที่ 11 ก.ค.2564 ได้รับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวมาจากที่พักอาศัยในกรุงเทพมหานครฯ และปริมณฑล กลับมารักษายังภูมิลำเนาของตนเอง รอบแรก จำนวน 18 คน หลังเสร็จสิ้นภารกิจเจ้าหน้าที่ที่ร่วมปฏิบัติงาน ได้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข โดยทำการกักตัว 14 วัน ภายในสถานกักตัว BUBBLE & SEAL ณ โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ก่อนที่จะออกมาปฏิบัติหน้าที่ในรอบต่อไป

ทั้งนี้การดำเนินการในโครงการฯ ดังกล่าว ยังคงดำเนินการต่อไป ภายใต้ความร่วมมือกับของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดทั้ง 17 จังหวัดในภาคเหนือ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลพี่น้องคนไทยให้ดีที่สุด รวมทั้งร่วมฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปด้วยกัน จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 3 มีความพร้อมที่จะสนับสนุนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ทางทหาร รวมทั้งบูรณาการศักยภาพทางการทหารในทุก ๆ ด้านของกองทัพบก เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากวิกฤตทุกโอกาส