ชาวสวนมังคุดเมืองคอนรวมตัวลงชื่อกว่า 700คน ยื่นหนังสือถึงพ่อเมืองคอน เร่งแก้ปัญหาราคามังคุดตกต่ำก่อนหมดเนื้อหมดตัว แฉบางล้งมาเปิดในพื้นที่แต่กลับรับซื้อมังคุดจากจังหวัดอื่นเพื่อสวมรอยอ้างว่าเป็นมังคุดเมืองคอนเพิ่มราคา

ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า ที่หน้าที่ว่าการอำเภอพรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช มีกลุ่มเกษตรกรชาวสวนมังคุดในพื้นที่ อ.พรหมคีรี และใกล้เคียงกว่า 700คน โดยมีแกนนำ 6 คน ประกอบด้วย นายรังสิต  เฉลิมวรรณ นายกเทศมนตรีตำบลพรหมโลก, นายจิตรธรรม  บุญญาธิการ อดีต ส.อบจ.เขต อ.ฉวาง, นายสงวน  แสงวิจิตร, นายกิตติศักดิ์  พละศึก, นางกันตนา  พันธรักษ์ และ นายโกเมศ  นนทมิตร พร้อมตัวแทนเกษตรกรชาวสวนมังคุดได้รวมตัวกันขอยื่นหนังสือถึง ผวจ.นครศรีธรรมราช เรื่องความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนมังคุด เนื่องด้วยขณะนี้หลายพื้นที่ของ จ.นครศรีธรรมราช มีผลผลิตมังคุดออกจำนวนมาก ที่ผ่านมามีการรับซื้อมังคุดจากพ่อค้าเฉลี่ยราคา กก.ละ 50 – 55 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรพึงพอใจ แต่ปรากฏว่าขณะนี้ราคากลับดิ่งลงเรื่อย ๆ เหลือราคาเฉลี่ยไม่ถึง กก.ละ15บาท บางครั้งก็ไม่ถึง 10 บาท

ทำให้เกษตรกรมีความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกษตรกรชาวสวนมังคุดต้องมีต้นทุนการผลิตไม่ต่ำกว่า กก.ละ 30 บาท และค่าจ้างเก็บอีกประมาณกก.ละ 7 – 10 บาท จึงอยากให้ทางจังหวัดนครศรีธรรมราชประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการแก้ไขปัญหาราคามังคุดตกต่ำด้วย นอกจากนี้ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนมังคุดยังเปิดเผยให้ผู้สื่อข่าวทราบอีกว่า มีล้งเข้ามาตั้งจุดรับซื้อใน อ.พรหมคีรี เกือบ 50 ล้ง แต่มีเพียง 2 ล้งที่เปิดรับซื้อมังคุดจากเกษตรกร ส่วนล้งที่เหลือไม่มีการรับซื้อมังคุดจากเกษตรกรชาวสวนมังคุดในพื้นที่ แต่ไปซื้อมังคุดจากจังหวัดอื่นเข้ามาแพค/สวมสิทธิ์ เพื่ออ้างว่าเป็นมังคุดของ จ.นครศรีธรรมราช โดยเวลาประมาณ 24.00 – 02.00 น. จะมีรถบรรทุกมังคุดนำเข้าล้งใน อ.พรหมคีรี แทบทุกวัน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเรื่องนี้ด้วย

ต่อมา นายไกรศร  วิศิษฎ์วงศ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางมาพบปะกลุ่มเกษตรกรชาวสวนมังคุด และเชิญตัวแทนชาวสวนมังคุด ตัวแทนส่วนราชการ และตัวแทนล้งรับซื้อมังคุด ขึ้นไปประชุมปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียดในห้องประชุมชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอพรหมคีรี นานกว่า 2 ชม. จากนั้น ผวจ.นครศรีธรรมราช ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงข้อสรุปหลังการประชุมร่วมกันว่า จังหวัดได้กำหนดเป็นมาตรการที่จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในเบื้องต้น 5 ประการ คือ  ประการที่ 1 นัดประชุมผู้ประกอบการรับซื้อมังคุดหรือล้งในพื้นที่ โดยแบ่งให้แต่พื้นที่แต่ละอำเภอ ให้นายอำเภอและส่วนที่เกี่ยวข้องนั้นคุยทำความเข้าใจว่า เรื่องของราคาที่เปิดรับซื้อแต่ละวัน ขอให้มีความแน่นอนชัดเจน และเรื่องการที่ล้งจะมีการปิดรับซื้อมังคุดโดยที่ไม่ทราบล่วงหน้านั้นขอให้มีการแจ้งล่วงหน้าให้เกษตรกรชาวสวนมังคุดด้วย เพื่อชาวสวนมังคุดได้จะได้ทราบล่วงหน้า และปิดราคารับซื้อให้ชัดเจนในช่วงเช้าไม่ใช่ช่วงบ่าย

ประการที่ 2 แรงงานที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่แล้วประมาณ 3 – 4 พันรายของผู้ประกอบการประมาณกว่า 60 ล้งนั้น ไม่เพียงพอเนื่องมาจากอุปสรรคของการแพร่ระบาดของโรคโควิด จังหวัดเตรียมแก้ปัญหาโดยประสานกับทางทหารหรือหน่วยที่เกี่ยวข้องที่สามารถสนับสนุนแรงงานเข้ามาช่วยผู้ประกอบการมังคุดต่อไป  ประการที่ 3 ในเรื่องของผู้ประกอบการติดขัดในเรื่องโลจิสติกของตู้คอนเทนเนอร์ที่ส่งออกแล้วกลับมาไม่ได้ จังหวัดกำลังประสานหน่วยเหนือให้ช่วยดูเรื่องนี้เพื่อคลี่คลายให้  ประการที่ 4 ทางจังหวัดรับที่จะดำเนินการส่งเสริมทางการขายให้สอดคล้องการผลผลิตในพื้นที่ ทั้งการขายออนไลน์ และการประมูล รวมทั้งสนับสนุนในเรื่องแพคกิ้งในการบรรจุหีบห่อส่งทางไปรษณีย์ หรือช่องทางอื่น ๆ ให้มีค่าระวางที่ถูกลง พร้อมทั้งจัดลานเทหรือลานตลาดมังคุดเป็นการส่งเสริมการขายตามลักษณะพื้นที่ของเกษตรกร

ประการที่ 5  จะขอใช้เงินของกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ ที่จะดูแลผลผลิตตกต่ำเป็นค่าระวาง กก.ละ 3 บาท ซึ่งรายละเอียดตรงนี้จะต้องตกลงกับพี่น้องเกษตรกรว่า ใช้จ่ายเงินตรงนี้จะเป็นอย่างไร เบื้องต้นทราบว่ากรมการค้าภายในอนุมัติมาแล้ว 1 พันตันเป็นวงเงิน 3 ล้านบาท แต่ทราบว่าเกษตรกรร้องขอไป 1หมื่นตัน ซึ่งทางจังหวัดจะทำหนังสือขออนุมัติเพิ่มเติมไป คาดจะมีความคืบหน้าแน่นอน ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าช่วงเย็นวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ ‘ธนภัทร พงศ์สกุล’ ได้ไลฬ์สดทางเฟสบุ๊ก ขณะเกษตรกรชายรายหนึ่ง กำลังนำผลมังคุด น้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัม เทลงบนพื้นถนนสายลานสกา-จันดี ด้านหน้าที่ทำการ อบต.เขาแก้ว อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้รถที่วิ่งผ่านไปมาเหยียบทับ หลังรู้สึกผิดหวังกับราคาที่นำผลมังคุดไปขายให้พ่อค้าที่รับซื้อ แต่ได้ราคาเพียงกิโลกรัมละ 5 บาทเท่านั้น เนื่องจากไม่เพียงพอต่อการจ่ายค่าจ้างให้แก่แรงงานเก็บที่ราคากิโลกรัมละ 10 บาท จนเป็นที่ฮือฮาในโลกโซเซียล