เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ระดมกำลังลำเลียงไม้ยูคาฯ และถุงทรายใส่เรือพระราชทานของกรมเจ้าท่าและเรือของกองบิน 46 เข้าไปซ่อมพนังกั้นน้ำวังทองที่แยกยาวกว่า 7 เมตร ขณะที่กระแสน้ำยังไหลทะลักอย่างเชี่ยวกรากเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนประชาชนเป็นบริเวณกว้าง

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 28 ก.ย.2564  ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่พนังดินกั้นน้ำแม่น้ำวังทองแตกในพื้นที่หมู่ 1 บ้านวังประดู่ ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ถึงเวลานี้ยังไม่สามารถซ่อมแซมได้แล้วเสร็จ ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลทะลักออกจากแม่น้ำวังทองอย่างเชี่ยวกราก โดย นายบุญเหลือ  บารมี นายอำเภอวังทองพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารกองบิน 46 สนธิกำลังร่วมกับกำลังพลทหารกองพลพัฒนาที่ 3 ค่ายสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ กองทัพภาคที่ 3 จำนวน 100 นาย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.วังทอง เจ้าหน้าที่ ปภ.จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า รวมทั้งชาวบ้านในพื้นที่ ช่วยกันลำเลียงไม้คูคาลิปตัสและถุงทรายเข้าไปบริเวณที่เกิดเหตุกันตั้งแต่เช้า โดยใช้เรือพระราชทานของกรมเจ้าท่าและเรือของกองบิน 46

โดยกำลังทหารกองบิน 46 ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณจุดเกิดช่วยกันปักไม้ยูคาลิปตัสแล้วตอกเพื่อทำเป็นเสาเข็มก่อนเรียงกระสอบทรายปิดกั้นน้ำ ซึ่งเป็นวิธีการซ่อมพนังกั้นน้ำในกรณีฉุกเฉิน นายบุญเหลือ บารมี นายอำเภอวังทอง เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ อ.วังทอง เริ่มคลี่คลาย มวลน้ำในแม่น้ำวังทอง เริ่มลดลง แต่ในการทำพนังกั้นน้ำที่พังเสียหายในพื้นที่บ้านวังประดู่ยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากประสบปัญหาในการลำเลียงไม้และถุงทรายไปเสริมคันดินนั้นค่อนข้างลำบาก ต้องใช้เรือบรรทุกเข้าไปที่พนังดินกั้นน้ำริมตลิ่งแม่น้ำวังทอง ก่อนที่จะทยอยลำเลียงไปยังจุดที่พนังแตก ซึ่งอาจต้องเวลาในการทำอีก 1 วัน คาดว่าพรุ่งนี้น่าจะแล้วเสร็จอย่างแน่นอน ถ้าหากฝนไม่ตกซ้ำลงมาอีก สำหรับน้ำที่ อ.วังทอง จะหลากในพื้นที่ลุ่มต่ำไปทาง อ.บางกระทุ่ม ก่อนไปลงแม่น้ำน่านในเขตพื้นที่ จ.พิจิตร ตามลำดับต่อไป นอกจากนี้พนังดินกั้นน้ำริมแม่น้ำวังทองบริเวณบ้านวังครุฑ หมู่ 12 ต.วังทอง ที่ซ่อมแซมเสร็จแล้วได้พังทลายลงทำให้น้ำในแม่น้ำวังทองทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในบ้านวังครุฑ และบ้านหัวก๊ก หมู่ 7 ต.วังทอง ถูกน้ำท่วมหลายหลังคาเรือนรวมทั้งถนนสายบางสะพาน – วังพิกุล ก็ถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 10 – 30 ซม.เป็นระยะทางยาวเกือบ 100 เมตรหลายช่วงด้วยกัน ตอนนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจเพื่อเร่งซ่อมแซมให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดเช่นกัน

ด้าน นายชำนาญ  ชูเที่ยง ผอ.โครงการชลประทาน จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า แม่น้ำยมสายหลัก ซึ่งไหลผ่านมาทางประตูระบายน้ำวังสะตือ ต.ดงเดือย อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ผ่านทาง ต.คุยม่วง ต.ชุมแสงสงคราม และ ต.ท่านางงาม ก่อนมาบรรจบกับกับแม่น้ำยมสายเก่าในพื้นที่ ต.บางระกำ ที่บริเวณสถานีวัดน้ำ Y.64 ด้านหลังที่ว่าการ อ.บางระกำ พิษณุโลก ระดับน้ำในแม่น้ำยมสายหลักอยู่ที่ 7.05 ม. สูงกว่าตลิ่ง 0.65 ม. อัตราการไหล 459.00 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อยู่ในสถานการณ์วิกฤตน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ส่วนประตูระบายน้ำบางแก้ว ต.บางระกำ ที่รับน้ำจากแม่น้ำยมสายเก่าที่ไหลผ่านมาทางคลองเมม ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม บ้านแม่ระหัน ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก ก่อนเข้าสู่คลองบางแก้ว ต.ท่านางงาม และ ต.บางระกำ ระดับน้ำเหนือประตูระบายน้ำ40.97 ม.ระดับน้ำทะเลปานกลาง น้ำล้นระดับสปินเวย์สูง 1.17 ม. มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

การดำเนินการใช้พื้นที่ลุ่มต่ำรองรับน้ำหลากตามโครงการบางระกำโมเดล พื้นที่ดำเนินการปี 2564 จำนวน 265,000 ไร่ สามารถรองรับน้ำได้ 400 ล้าน ลบ.ม.ปัจจุบัน รับน้ำเข้าพื้นที่แล้ว จำนวน 156,172 ไร่ ปริมาณน้ำในทุ่งบางระกำโมเดล 258.8 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรองรับน้ำได้อีก 179 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันโครงการชลประทานจังหวัดสุโขทัย ระบายน้ำท่วมเข้าแม่น้ำยมสายเก่าประมาณ 87 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลทำให้ระดับน้ำในคลองเมม ที่ ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางชลประทานได้ผันน้ำเข้านาที่ชาวนาเก็บเกี่ยวแล้วเพื่อหน่วงน้ำไว้จำนวนหนึ่ง ตามแผนของโครงการบางระกำโมเดล อย่างไรก็ตามขอฝากแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมตลิ่ง แม่น้ำยมทั้งสายเก่าและสายหลัก ให้เตรียมการขนของขึ้นที่สูง ขนย้ายสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในที่ลุ่มต่ำ และติดตามข่าวสถานการณ์น้ำรวมทั้งสภาพภูมิอากาศจากทางหน่วยราชการอย่างใกล้ชิด