รวบคนร้ายรัดคอเอาถุงดำคลุมหัวก่อนใช้ปืนยิงหนุ่มม้งรับจ้างกรีดยางทิ้งศพไว้ในป่าหญ้าทางลงไร่ชาวเขาเผ่าม้งในพื้นที่บ้านห้วยทรายเหนือ ต.ห้วยเฮี้ย อ.นครไทย เผยเป็นสองผัวเมียเหตุคนตายขอยืมเงินแล้วใช้คืนไม่ครบต้องเสียเวลาเดินทางจากเมืองโคราช

เมื่อวันที่ 13 พ.ย. พล.ต.ต.ธวัช  วงศ์สง่า ผบก.ภ.จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า พล.ต.ท.อัคราเดช  พิมลศรี ผบช.ภ.6 ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ  ภาคภูมิ ผบก.บก.สส.ภ.6 พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวนภาค 6 ร่วมกับตำรวจสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีที่พบศพชายอายุประมาณ 30 – 40 ปี ถูกคนร้ายใช้เชือกรัดคอ เอาถุงดำคลุมศีรษะ และใช้อาวุธปืนยิงที่แก้มซ้าย ท่อนล่างเปลือยกางเกงถูกดึงลงมาอยู่ที่เท้า บริเวณทางเข้าไร่ชาวเขาเผ่าม้ง เป็นดงหญ้าสูงชัน ห่างจากปากทางเข้าหมู่บ้านห้วยทรายเหนือ หมู่ 6 ต.ห้วยเฮี้ย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ประมาณ 500 เมตร เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. วันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ทราบชื่อภายหลังคือ นายชัยทอง  แซ่ลี อายุประมาณ 28 ปี เป็นม้งไม่มีสัญชาติมาจาก อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย มาอาศัยและรับจ้างกรีดยางพารา ที่หมู่10 ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ตามที่ได้มีการเสนอข่าวทางสื่อต่าง ๆ ไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น

จากการสืบสวนของตำรวจ กก.สส.ภ.6 ร่วมกับ กก.สส.ภ.จ.พิษณุโลก พบว่าผู้เสียชีวิตมีการติดต่อกับ น.ส.อบเชย  แซ่วื่อ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 หมู่ 4 ต.แชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา บ่อยครั้ง ตำรวจชุดสืบสวนภาค 6 จึงเดินทางไปติดตามหาตัว น.ส.อบเชย ที่บ้านพัก ทราบว่าไปอาศัยอยู่กับสามีคือ นายกฤษดา  ศักดิ์เจริญชัยกุล อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 212 หมู่ที่ 6 ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย ซึ่งเช่าบ้านอยู่ใน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ไปตรวจสอบพบ น.ส.อบเชย อยู่ที่บ้านเช่าดังกล่าว สอบถามเบื้องต้น น.ส.อบเชย ยอมรับว่ารู้จักกับ นายชัยทอง หรือนายเซ่ง ผู้ตาย ทางเฟสบุ๊กและติดต่อกันเรื่อยมา ต่อมานายชัยทองได้ยืมเงิน น.ส.อบเชย จำนวน 10,000 บาท เมื่อ 10 ต.ค.64 น.ส.ชัยทอง ได้เอาเงินมาให้นายชัยทองเป็นที่เรียบร้อย โดยเงินยืมดังกล่าวนายชัยทองได้โอนคืนมาให้แล้ว 2,000 บาท ต่อมานายชัยทองบอกกับ น.ส.อบเชย ว่าจะย้ายจากเข็กน้อยไปหางานทำที่กรุงเทพฯ น.ส.อบเชย จึงทวงเงินที่เหลืออีกจำนวน 8,000 บาท แต่นายชัยทองเงียบไป

ต่อมาวันที่ 29 ต.ค.2564 นายกฤษฎา  ศักดิ์เจริญชัยกุล และ น.ส.อบเชย จึงเดินทางจาก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เพื่อมาทวงและขอรับเงินที่นายชัยทองยืมไปโดยได้โทรศัพท์นัดเจอกัน และเมื่อถึงบริเวณที่เกิดเหตุ นายกฤษดา และ น.ส.อบเชย ได้จอดรถดับเครื่องยนต์รอ เมื่อนายชัยทองขับรถจักรยานยนต์มาถึง น.ส.อบเชย ได้ลงไปคุยกับนายชัยทอง เพื่อทวงหนี้แต่ไม่ได้เงินคืนครบจำนวน โดยผู้ตายมีเงินมาคืนแค่ 1,500 บาท จึงคุยกันไม่รู้เรื่องได้ทะเลาะทุบตีกัน เมื่อนายกฤษดาฯ ซึ่งนั่งรออยู่ในรถยนต์ ได้ลงจากรถยนต์มาช่วยและใช้เชือกมารัดที่คอผู้ตายและดึงกระชากให้ล้มลงกับพื้น ขณะที่ น.ส.อบเชย ได้วิ่งไปที่รถยนต์หยิบถุงพลาสติกสีดำมาคลุมที่ศีรษะและได้ใช้อาวุธปืนที่ถือออกมาด้วยยิงที่ศีรษะ 1 นัด จนนายชัยทองแน่นิ่งไป จึงช่วยกันลากร่างของนายชัยทองไปทิ้งที่ป่าข้างทางลงเขาห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร และนายกฤษดาได้จูงรถจักรยานยนต์ที่นายชัยทองขับขี่มาไปทิ้งในป่าหญ้าข้างทางแล้วหลบหนีไป โดยหลังเกิดเหตุนายกฤษดา และ น.ส.อบเชย ได้ไปเข้าพักที่วิวกลางนารีสอร์ท อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ และเดินทางกลับที่ จ.นครราชสีมา

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.6 ได้ติดตามตรวจยึด อาวุธปืนสั้นลูกโม่ขนาด .22 ที่ น.ส.อบเชย นำไปฝังไว้ใต้โคนต้นมะม่วง และเสื้อ-กางเกง ของ น.ส.อบเชย ที่ใส่ในวันเกิดเหตุ โทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง ของ น.ส.อบเชย รวมทั้งกระเป๋าสะพายสีน้ำตาล 1 ใบ ของนายกฤษดาฯ  ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.บ้านแยง พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อขออนุมัติศาลแขวงนครไทยออกหมายจับนายกฤษดา และ น.ส.อบเชย ซึ่งศาลอนุญาตตามขอ ตำรวจ กก.สส.ภ.6 จึงร่วมกับตำรวจชุด กก.สส.ภ.จว.พิษณุโลก  และชุดสืบสวน สภ.บ้านแยง จับกุมตัวนายกฤษดา และ น.ส.อบเชย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงนครไทย นำส่ง พ.ต.ท.ชีพ  ตรียศ สว.(สอบสวน) สภ.บ้านแยง เพื่อดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามกฎหมายต่อไป