เปิดจุดตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะ
ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกเปิดจุดตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและผู้ขับรถ และศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ธันวาคม 2564 ที่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก นายรณชัย จิตรวิเศษ ผวจ.พิษณุโลก เป็นประธานเปิดจุดตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและผู้ขับรถ รวมทั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะประจำจังหวัดพิษณุโลก โดยมี นายภูสิทธิ์ อนันทวัฒน์ ขนส่งจังหวัดพิษณุโลก พร้อมคณะให้การต้อนรับ โดยกรมการขนส่งทางบก ได้กำหนดให้มีกิจกรรมการตั้งจุดตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและผู้ขับรถ ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ. ศ.2565 ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2564 ถึงวันที่ 4 ม.ค.2565 เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชน เป็นการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยให้ผู้ขับรถต้องลงมารายงานตัวต่อผู้ตรวจการ ณ จุดตรวจ เพื่อตรวจสอบความพร้อมของตัวรถ ตรวจสอบใบอนุญาตขับรถ ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจ ตรวจสอบระยะเวลาในการขับรถ ตรวจสอบความพร้อมด้านร่างกาย ตรวจสอบระบบ GPS การใช้ความเร็วของรถ และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
นายรณชัย ผวจ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า จุดตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและผู้ขับรถ จ.พิษณุโลก ได้ตั้งขึ้น 3 จุดคือ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพิษณุโลกแห่งที่ 1 ต.สมอแข อ.เมืองพิษณุโลก สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพิษณุโลกแห่งที่ 2 ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งจะมีการดำเนินการ สุ่มตรวจสารเสพติดผู้ขับรถ ในวันที่ 2 มกราคม 2565 โดยได้รับความอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน พร้อมชุดอุปกรณ์ในการตรวจจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก และจุดที่ 3 สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ปตท.วังพิกุล ทางหลวงแผ่นกอนหมายเลข 126 ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ดำเนินการในวันที่ 2 – 4 มกราคม 2565
สำหรับศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะประจำจังหวัดพิษณุโลก จัดตั้งขึ้นมาเพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากการใช้บริการ รถโดยสารสาธารณะ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพิษณุโลกแห่งที่ 2 ต.สมอแข อ.เมืองพิษณุโลก ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมมีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ห้ามผู้โดยสารถอดแมสในขณะโดยสาร และห้ามรับประทานอาหารบนรถโดยสาร ยกเว้นมีกรณีจำเป็น นอกจากนี้กรมการขนส่งทางบก ยังได้เพิ่มจำนวนรถจากกรุงเทพฯ ในวันที่ 29 – 30 ธันวาคม 2564 ด้วย โดยมีการจัดเที่ยวรถเพิ่มเป็นวันละ 13 เที่ยว จากเดิมวันละ 7 เที่ยว รวมเป็น 20 เที่ยว
