น้ำป่าซัดเรือประมงจากแพไปลอยอยู่ปากอ่าวเสียหายหนัก

ระทึกกระแสน้ำป่าเชี่ยวกรากซัดเรือประมงขนาดใหญ่เชือกขาดหลุดลอยพ่านกลางทะเล30ลำกลางดึก ล่มปากอ่าว1ลำ เสียหายยับวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบเข้ามาช่วยเหลือด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า หลังจากเกิดฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วัน ในพื้นที่หลายอำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช และทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในใน อ.สิชล อ.ท่าศาลา อ.เมือง และ.ขนอม เมื่อวันที่ 5เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ถนนสายหลักนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี ช่วงหลัก กม.227 น้ำท่วมถูกตัดขาดรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ และน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนตอนเช้ามืด ต้องหนีตายกันอลหม่าน เจ้าหน้าที่ ปภ.และทหารฝึกรบพิเศษสิชล รวมทั้งเจ้าหน้าที่อีกหลายหน่วยงานระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนหลายจุด ทั้งที่ติดอยู่บนหลังคาบ้านและแบกโลงศพหนีน้ำท่วมไปอยู่ในที่ปลอดภัยจนเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติน้ำลดลง รถสามารถสัญจรไปมาได้แล้วแต่มีความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายและฟื้นฟูของหน่วยงานภาครัฐต่อไป
ล่าสุดเมื่อเวลา 00.30น.วันที่ 6 เม.ย. กระแสน้ำป่าที่ไหลหลากจากพื้นที่ อ.นบพิตำ ได้ไหลลงสู่คลองท่าศาลาและคลองด่านภาษี ก่อนที่จะไหลระบายลงทะเลอย่างรวดเร็วและเชี่ยวกรากตลอดเวลา ปรากฏว่ากระแสน้ำที่เชี่ยวกรากได้ซัดเอาเรือประมงขนาดใหญ่ที่จอดลอยลำอยู่ริมคลองด่านภาษี หมู่ 9 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา ที่บริเวณหน้าแพปลาเจ๊หมู, แพปลานายอ๊อด และแพปลาเจ๊แบน จำนวนหลายสิบลำ หลุดลอยออกไปจากแพปลาสู่ปากอ่าวด่านภาษี รวมกับเรือประมงอีกหลายลำจนเต็มปากอ่าว โดยลูกเรือประมงและเจ้าของเรือประมงไม่สามารถออกไปช่วยเหลือเรือประมงที่ลอยไปกลางทะเลได้ เนื่องจากกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากและแรงตลอดเวลา เกรงว่าจะได้รับอันตรายต้องจำใจยืนดูเรือประมงลอยออกไปกลางทะเลนับได้ทั้งหมด 30 ลำ

ต่อสายวันเดียวกันนี้ นายพรชัย สิทธิสงวน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.ท่าศาลา พร้อมด้วยเจ้าของเรือประมงลำต่าง ๆ และไต๋ก๋งเรือประมงลำต่าง ๆ ได้นำเรือเล็กออกไปขับเรือประมงที่ลอยเคว้งคว้างกลางทะเลกลับเข้าฝั่งมาได้ประมาณเกือบ 20 ลำ โดยสภาพเรือทั้ง 20 ลำ ถูกกระแทกกันเองจนกาบข้างและท้ายเรือเสียหายหลายจุดจำนวนมาก ซึ่งต้องใช้เวลาซ่อมอีกหลายวันถึงจะออกทะเลได้ โดยยังมีเรือประมงลอยอยู่กลางทะเลอีก 12 ลำ ที่ยังไม่สามารถลากกลับเข้าฝั่งได้เนื่องจากมีอุปสรรคเรื่องคลื่นลมแรง นอกจากนี้ยังพบว่ามีเรือประมงชื่อ ท.ร.พาลีช่วย ของนางพรพณา เสมาพัฒน์ ได้ล่มจมลงกลางปากอ่าวด่านภาษีจำนวน 1ลำ มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า5ล้านบาทเนื่องจากน้ำมันจำนวน1.3หมื่นลิตรได้รั่วไหลทะเลจนหมด อยู่ระหว่างการติดต่อหน่วยงานกรมเจ้าท่ามาทช่วยเหลือทำการกู้เรือประมงลำนี้ต่อไป
นายวิศา แก้วภู่ เจ้าของแพปลาเจ๊หมู เผยว่าเรือประมงของตนที่ผูกเชือกจอดบริเวณแพปลา จำนวนกว่า 10 ลำ ถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากซัดหลุดลอยไปกลางทะเล ตอนนี้ไปนำกลับมาจนเกือบแล้ว พบว่าสภาพเรือประมงเสียหายมากเกือบทุกลำ ต้องใช้เวลาซ่อมอีกหลายวันถึงจะออกทะเลได้ตามปกติ รวมทั้งเรือประมงของแพปลาอื่นๆด้วยเสียหายทั้งหมด30ลำ หากรวมมูลค่าความเสียหายหลายล้านทีเดียว ตนอยากให้ทางหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบรีบเข้ามาช่วยเหลือชาวประมงด้วย เพราะปกติเรือประมงต้องใช้น้ำมันราคาแพงอยู่แล้วต้องมาประสบปัญหากับภัยธรรมชาติในครั้งนี้อีก




