เสียงทิพย์บุ๊คเซ็นเตอร์ ร้านหนังสือเก่าแก่เมืองสองแคว เจอกระแสโซเชียสและสื่อออนไลน์ ลูกค้าหดหายต้องปรับโฉมร้านใหม่เปิดคาเฟ่ภายในร้านหนังสือ พร้อมจัดBook Club แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องหนังสือกับผู้อ่าน หวังดึงคนอ่านหวนกลับมาอ่านหนังสือภายในร้าน

วันที่ 6 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านเสียงทิพย์ อยู่ริมถนนเอกาทศรถ ภายในเขตเทศบาลนครพิษณุโลก ซึ่งเป็นร้านหนังสือเก่าแก่ของจังหวัดได้ปรับตัวเองสู้ภาวะเศรษฐกิจ สื่อโซเซียล และผู้อ่านที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการบริโภคข่าวสารรวมทั้งความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ไปมาก  โดยปรับโฉมร้านใหม่ให้ดูแตกต่างจากร้านหนังสือเดิม ๆ มีคาเฟ่ภายในร้าน พร้อมจัดBook Club แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องหนังสือกับผู้อ่าน นายนิติพันธ์  ตั้งนพรัตน์ อายุ 42 ปี เจ้าของร้านเสียงทิพย์บุ๊คเซ็นเตอร์ เปิดเผยว่า ร้านของตนเป็นธุรกิจในครอบครัว เกิดจากแนวคิดของรุ่นพ่อเมื่อปี 2509 ที่แต่เดิมเป็นร้านขายและซ่อมวิทยุทรานซิสเตอร์เล็ก ๆ ที่มีแผงหนังสือพิมพ์วางจำหน่ายให้ผู้ที่ผ่านไปมาได้ซื้ออ่าน ได้รับทราบข่าวสาร

เพราะยุคนั้นคุณพ่อ คือ นายนิพนธ์  ตั้งนพรัตน์ เป็นคนที่ขาดโอกาสได้เรียนน้อย แต่เป็นคนชอบอ่านหนังสือ อยากเห็นคนมีความรู้จากการอ่านหนังสือ จึงตัดสินใจเป็นเอเย่นต์หนังสือพิมพ์หลายสำนัก โดยปั่นจักรยานส่งให้กับลูกค้าสมาชิกที่รับหนังสือพิมพ์ถึงบ้าน จนได้ลูกค้ามาเยอะจนกลายเป็นธุรกิจหลัก ทุกวันหลังเลิกเรียนตนและน้อง ๆ อีก 3 คน ต้องผลัดกันมาเฝ้าร้าน เพื่อขายหนังสือและคิดเงินให้ลูกค้า หลังจากเรียนจบ ปริญญาตรี คณะสถาปัตย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก  ก็ไปทำงานเป็นสถาปนิก อยู่ที่ กรุงเทพฯ กระทั่งปี พ.ศ.2550 คุณพ่อเสียชีวิต จึงตัดสินใจลาออกจากงาน และกลับบ้านมาสานต่อร้านขายหนังสือของครอบครัว

หลังจากยุคสมัยเปลี่ยนไป ตนเองกลับมาคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง ว่าเราทำร้านหนังสือไปเพื่ออะไร ร้านของเรายังควรจะเปิดต่อไปไหม เมืองนี้ยังต้องการหนังสืออยู่ไหม จนได้คำตอบว่า คนพิษณุโลกต้องอ่านหนังสือและร้านควรอยู่ต่อ จึงปรับปรุงร้านรูปแบบใหม่ ให้มีพื้นที่ที่เอื้อต่อการอ่านเพิ่มขึ้น และเชิญชวนให้ผู้คนเข้ามาอ่านหนังสือมากขึ้น ท่ามกลางตัวเลขยอดขายที่สวนทางลดลงมาตลอด ท่ามกลางความท้อแท้ของวงการสิ่งพิมพ์ หนังสือก็เริ่มได้รับความนิยมน้อยมาก ร้านหนังสือต่าง ๆ ทยอยปิดตัวลง ลดจำนวนสาขาก็เยอะ การปรับปรุงกายภาพให้ร้านมีความทันสมัย มีมุมกาแฟ มีมุมถ่ายรูป จัดที่นั่งอ่าน เป็นความหวังในการดึงคนให้กลับมาอ่านหนังสือ ตนเชื่อว่า หนังสือคงไม่หายไปไหน ประเภทหนังสือก็มีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เช่นกัน บางช่วงเป็นนิยายวาย  เป็น HOW TO

นายนิติพันธ์ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญร้านเราเป็นร้านที่มีลูกค้าตั้งแต่วัยอนุบาล จนถึงวัยสูงอายุ เห็นคนเข้าร้านมาจากทุกช่วงวัย  ร้านมีคู่มือเตรียมสอบ แต่โซนนี้กระทบจากติวเตอร์ โรงเรียนสอนพิเศษ แต่พ๊อกเก็ตบุ๊ค ยังขายดีอยู่  คนดูตามยูทูป บอสแคส พูดเกี่ยวกับหนังสือ ว่าหนังสือใดมีกระแสที่คนจะอ่าน เช่นของท่านชัชชาติ ตนก็ต้องซื้อมาจำหน่ายที่ร้าน เป็นการสร้างแวลูให้คนในสังคม มีมุมมองจากการอ่าน ร้านหนังสือยุคนี้ ต้องเป็นสังคม ไม่ใช่ร้านแบบซื้อมาขายไป หรือบริการแบบ 7-อีเลฟเว่น ตนจึงจัดร้านให้ดูโล่งขึ้น มีพื้นที่ให้ลูกค้ามานั่งอ่านหนังสือ นั่งทำงาน หรือเลือกซื้อหนังสือ  ต้องมีกิจกรรมทำร่วมกัน ร้านหนังสือจึงเป็นอีกหนึ่งสังคมที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ไม่ใช่แค่ผู้ขายกับผู้ซื้ออีกแล้ว

ต่อมาตนได้จัดบุ๊คคัพ (Book Club ) ขึ้น ซึ่งเกิดจากแนวคิดลูกค้าเสนอให้ทำ เป็นกิจกรรมเพื่อให้เกิดเป็นชุมชนนักอ่านที่มีการแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดซึ่งกันและกัน มีผู้ร่วมงานมากกว่าที่ตั้งไว้มาก บางคนเดินทางมาจากต่างจังหวัด สิ่งนี้อาจสะท้อนได้ว่า พื้นที่ในการแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดในปัจจุบันนั้นยังค่อนข้างจำกัด และการสนับสนุนจากส่วนกลางและภาครัฐยังไม่เพียงพอ จนถึงวันนี้เราได้จัดไปทั้งสิ้น 4 ครั้งแล้ว มีหลากหลายในหัวข้อหนังสือที่แตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง และเราจะยังคงจัดกิจกรรมนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อขยายชุมชนนักอ่านให้มากขึ้น บางครั้งมีนักเขียนมาพูดคุยแชร์หนังสือ  หลังจากปรับปรุงร้านมา 4 ปี ลูกค้าเราดีขึ้นมา ยิ่งจัดบุ๊คคัพก็ได้คุยกับลูกค้ามากขึ้น ทำให้กลุ่มลูกค้าผู้อ่านเหนียวแน่น

“คนขายหนังสือต้องมีแรงบันดาลใจ ต้องอ่านหนังสือ คนขายหนังสือก็ต้องอ่านหนังสือเยอะขึ้น เพื่อจะได้แนะนำลูกค้าได้ด้วย มุมมองการอ่านคนยุคปัจจุบัน  ยังเยอะแต่มีช่องทางการซื้อหลายแหล่ง สำนักพิมพ์มาขายหนังสือเองด้วย ร้านออนไลน์ก็เยอะ เด็กรุ่นใหม่อ่านหนังสือเยอะมากกว่าคนยุคก่อน มีแน่นคิดมีความคิดที่ดี  มีแฟนเพจ ไลน์ออฟฟิเชียล มีแอดมินมีช่วยในการตอบสนองลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ ในการสื่อสารระหว่างลูกค้ากับร้านหนังสือ   การหันมาทำร้านกาแฟ เป็นบาริสต้า การทำร้านจริงจัง จุดเด่นร้านเหมือนร้านกาแฟทั่วไป ซึ่งเมื่อเทียบธุรกิจ ร้านหนังสือกับร้านกาแฟ ร้านหนังสือยอดขายดีกว่าร้านกาแฟ แต่ร้านกาแฟเป็นจุดเรียกลูกค้าอีกกลุ่มเข้ามาเพิ่มขึ้น”นายนิติพันธ์ กล่าว

เกือบ 60 ปี ร้านเสียงทิพย์บุ๊คเซ็นเตอร์ เชื่อมาตลอดว่า นอกจากรายได้แล้ว ร้านของเราได้รับความสุขเป็นส่วนเติมเต็มจากหนังสือ และผู้ที่รักการอ่านหนังสือเหมือนกับเรา เรายึดมั่นใน ‘ปณิธาน’ ของการมีอยู่ของหนังสือ มากกว่าการมีอยู่ของร้าน หรืออาจพูดได้ว่า เราดำเนินร้านของเราต่อไปได้ เพราะการมีอยู่ของหนังสือและผู้อ่านหนังสือนั่นเอง เราให้หนังสือเป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นแหล่งส่งต่อความรู้ ความคิด และสร้างมิตรภาพให้กันและกัน ในการเป็นร้านตัวเลือกที่มีหนังสือครบทุกประเภท ทุกช่วงวัย และทุกช่วงฐานะทางสังคม