ตรวจการบูรณะภาพจิตรกรรมฝาผนังโบสถ์วัดราชบูรณะ

อธิบดีกรมศิลปากร ตรวจคืบหน้าการบูรณะภาพจิตรกรรมฝาผนังอายุกกว่า 200 ปี ที่วัดราชบูรณะ เมืองสองแคว หลังจากเกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ ในปีที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการบูรณะมาแล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ แล้ว

ที่วัดราชบูรณะ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมคณะซึ่งเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ จ.สุโขทัย และ จ.พิษณุโลก ได้ตรวจความคืบหน้าในการบูรณะภาพจิตรกรรมฝาผนัง ภายในอุโบสถ วัดราชบูรณะ หลังจากเกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ภายในอุโบสถเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่มีอายุหลายร้อยปีเสียหาย และลวดลายทองถูกเขม่าควันไฟรมจนดำ ชั้นสีชำรุด หลุดร่วง รอยถลอก ขูด ขีด และเกิดคราบสกปรก ทำให้กรมศิลปากรซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบ ต้องทำโครงการอนุรักษ์จิตรกรรมภายในอุโบสถ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ถึงเดือนกันยายน 2565



ซึ่งขั้นตอนการปฏิบัติงานการอนุรักษ์จิตรกรรมภายในพระอุโบสถวัดราชบูรณะ ซึ่งมีขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 18 เมตร สูง 10 เมตร ก่ออิฐถือปูน ผนังหนาราว 50 เซนติเมตร พระประธานคือพระพุทธรูปปางมารวิชัย(หลวงพ่อทองสุข) ลงรักปิดทองหน้าตักกว้าง 2 เมตร สูง 3 เมตร ศิลปะสมัยสุโขทัย ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีก่ออิฐถือปูนชั้นล่างเป็นฐานเท้าสิงห์ 2 ชั้น ชั้นบนสุดเป็นฐานบัวคว่ำบัวหงาย ทางเจ้าหน้าที่จะสำรวจและบันทึกสภาพความชำรุดของจิตรกรรมไว้ก่อน จากนั้นติดตั้งนั่งร้านเพื่อดำเนินการและบันทึกหลักฐานสภาพความชำรุดด้วยการเขียนลายเส้นรูปสัญลักษณ์ จากนั้นทำความสะอาดผิวจิตรกรรม ทำการเสริมความมั่นคงให้กับชั้นรองพื้นที่ และชั้นสีของจิตรกรรม ทำการเสริมความมั่นคงให้กับชั้นปูนฉาบ ปิดทองคำเปลว 100 เปอร์เซ็นต์ ซ่อมในรอยชำรุดของจิตรกรรมลวดลายทอง ทำการเขียนสีซ่อมจิตรกรรมตามหลักวิชาการอนุรักษ์ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ซ่อมแซมภาพจิตรกรรมฝาพนังได้กว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว คาดว่า จะแล้วเสร็จตามโครงการที่กำหนด



สำหรับวัดราชบูรณะ ทางกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 53ตอน 34 วันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2479 และกรมศิลปากรได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบูรณะ ดังนี้ คือ ปี พ.ศ.2528 บูรณะวิหารหลวงพ่อทองดำ ปี พ.ศ.2530 อนุรักษ์ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ และปี พ.ศ.2533 บูรณะเจดีย์หลวง โดยเสริมความมั่นคงทางรากฐานและต่อยอดพระเจดีย์ทรงลังกาซึ่งหักชำรุดหายไปให้บริบูรณ์ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นสันนิษฐานว่า มีการบูรณปฏิสังขรณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 เนื่องจากมีการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ แล้วให้ช่างเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ พร้อมกับมีการบูรณปฏิสังขรณ์พระวิหารหลวงพ่อทองดำด้วย โดยช่างเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพระพุทธประวัติไว้ ให้พุทธศาสนิกชนได้ชมและศึกษาตราบเท่าทุกวันนี้




