ท่องเที่ยวบ้านน้ำจวงสัมผัสวิถีชนเผ่าแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

วันนี้( 12 ก.ย.) บ้านน้ำจวง ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก เป็นหมู่บ้านห่างไกล จากตัวเมืองพิษณุโลก กว่า 150 กม. แต่ด้วยภูมิประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์น่าประทับใจและสวยงาม รวมทั้งวิถีของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนต่างสนใจไปเที่ยวชมกันอย่างมากในแต่ละปี โดยเฉพาะที่บริเวณน้ำตกตาดปลากั้ง, น้ำตกตาดปลาขาว, การทำนาขั้นบันไดที่เนินสองเต้า, โฮมสเตย์ภูทับสี่, ไร่เคียงดาว และอ่างเก็บน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริบ้านน้ำจวง สำหรับปีนี้ที่บ้านน้ำจวงเริ่มมีนักท่องเที่ยว เดินทางไปเที่ยวชมธรรมชาติกันแล้ว เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่ในช่วงปลายฝนต้นหนาว แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติกำลังสมบูรณ์สวยงามอย่างมาก



นายนิรันดร์ ลีวัฒนะกุล ประธานกลุ่มท่องเที่ยวในชุมชนบ้านน้ำจวงอย่างยั่งยืน กล่าวว่า พื้นที่บ้านน้ำจวง ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมี่ยง-ภูทอง ทาง กอ.รมน. กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดสรรที่ดินให้คนในพื้นที่ได้พักอาศัยและทำกินครอบครัวละ 15 ไร่ ในอดีตชาวบ้านเดือดร้อนมาก เศรษฐกิจต่ำมาก ความจำเป็นขั้นพื้นฐานมาไม่ถึง แม้ไม่ได้รับการพัฒนา ชาวบ้านที่เป็นเกษตรกรก็ยังคงปลูกผลผลิตทางเกษตรกรรมได้ปีละ 1 ครั้ง หลังจากนั้นก็เข้าไปหางานทำในเมืองหลวง วิถีเป็นแบบนี้มาตลอด โชคดีที่เรามีศักยภาพมีต้นทุนธรรมชาติเยอะ ทางสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.พิษณุโลก สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดพิษณุโลก และอีกหลายหน่วยงาน จึงได้เข้ามาช่วยพัฒนาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว การทำนาขั้นบันได ส่งเสริมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เทศกาลกินข้าวใหม่ การหลามปลากั้ง การฝังเข็มจากภูมิปัญญาของชาวบ้าน จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมบ้านน้ำจวง ทำให้ชาวบ้านมีรายได้จากการขายผลผลิตการเกษตรที่ปลูกได้มาก ชาวบ้านที่ไปทำงานต่างจังหวัดเห็นความก้าวหน้าของหมู่บ้านตรงนี้จึงกลับมาทำงานที่บ้านเกิด และร่วมใจกันให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างความประทับใจ นักท่องเที่ยวจะได้ช่วยกันกระจายข่าวและกลับมาเที่ยวใหม่




ด้าน นางศศิวัณย์ ศรีพรหม ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดพิษณุโลก และนายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ที่บ้านน้ำจวงมีคุณสมบัติพิเศษคือธรรมชาติ ช่วงหน้าฝนนักท่องเที่ยวสามารถมาท่องเที่ยวการเกษตรชมนาขั้นบันไดที่เนินสองเต้า หรือที่เรียกอีกชื่อว่า ซาปาเมืองไทย มีเทศกาลกินข้าวใหม่ หรือข้าวโค้วที่เป็นเอกลักษณ์ มีวิถีชนเผ่าซึ่งมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ไม่เหมือนใคร คนในหมู่บ้านสามัคคีกันดี คนเมืองสามารถมาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ท่องเที่ยวผจญภัย ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกันได้ ที่สำคัญมีหมอฝังเข็มที่มีฝีมือระดับแนวหน้าในการรักษาถึง 15 คน ที่ผ่านการอบรมจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกแล้ว และล่าสุดทางกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ได้ประกาศให้บ้านน้ำจวง ผ่านเกณฑ์การประเมินความพร้อมเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพภูมิปัญญาไทย และสมุนไพร ระดับดีเยี่ยม ประจำปี 2565 โดยเฉพาะการฝังเข็มเพื่อรักษาสุขภาพ




นางสุทเทียน สงศีลวัฒน์ อายุ 64 ปี หมอฝังเข็มปราชญ์ชาวบ้านบ้านน้ำจวง กล่าวว่า ตนเองเรียนรู้การฝังเข็มเพื่อรักษาสุขภาพมาตั้งแต่อายุ 13 ปี ด้วยการครูพักลักจำจากหมอฝังเข็มในหมู่บ้าน จนกระทั่งอายุ 64 ปี ก็ยังคอยฝังเข็มรักษาให้กับคนในหมู่บ้าน แต่ล่าสุดหลังจากผ่านการอบรมของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในหมู่บ้าน เริ่มหันมาฝังเข็มกับตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่นอนไม่ค่อยหลับ ผู้ที่ปวดเมื่อยตามร่างกาย ผู้ที่เป็นโรคออฟฟิตซินโดรม ก็มาฝังเข็มกัน ผลปรากฏว่าหลังจากผ่านการฝังเข็มทุกคนมีสุขภาพร่างกายดีขึ้น สำหรับการฝังเข็มของชาวบ้านบ้านน้ำจวง ถือว่าเป็นภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่น ที่สามารถบริการนักท่องเที่ยวควบคู่กับการมาเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วิถีชีวิตชนเผ่า วัฒนธรรมและประเพณีต่าง ๆ ของคนในชุมชนได้อย่างลงตัว นักท่องเที่ยวที่สนใจจะไปเที่ยวชมสอบถามหรือติดต่อจองที่พักแบบโฮมสเตย์ได้กับ นายนิรันดร์ ลีวัฒนะกุล ประธานกลุ่มท่องเที่ยวในชุมชนบ้านน้ำจวงอย่างยั่งยืน โทรศัพท์หมายเลข 063 – 0676100

