เจ้าของแจ้งจับคนดูแลบ้านลักทรัพย์มูลค่ากว่า 2 แสนบาท

สองผัวเมียรับจ้างดูแลห้องพักให้เช่ารายวันและรายเดือนข้าง สภ.แก่งโสภา ฉวยโอกาสเจ้าของอยู่ไกลขนทรัพย์สินทั้งที่นอน ทีวี ตู้เย็น เครื่องชงกาแฟ อิฐล็อก กระเบื้อง เหล็กเส้น เครื่องตัดหญ้า เครื่องมือช่างหลายรายการ และรถจักรยานยนต์มูลค่ารวมกว่า 2 แสนบาทหลบหนีไป เจ้าของมาตรวจดูถึงกับเข่าแทบทรุดรุดแจ้งตำรวจตามจับมาดำเนินคดี
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 กันยายน 2565 ร.ต.ท.ชานนท์ สมฤทธิ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งจาก นางณัฐกานต์ ปิ่นภู่ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/69 หมู่ที่ 12 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ว่ามีคนร้ายเป็นสองสามีภรรยาที่ตนจ้างให้ดูแลบ้านพักณัฐกาญจน์ เลขที่ 154/2 หมู่ที่ 7 ต.แก่งโสภา ซึ่งอยู่ข้าง สภ.แก่งโสภา ได้ขโมยทรัพย์สินไปจำนวนหลายรายการ โดยมีพยานรู้เห็นเป็นคนเช่าห้องพัก จึงไปตรวจตรวจสอบพร้อมตำรวจชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง เบื้องต้น นางณัฐกานต์ ให้การว่า นายพรมพักตร์ เจริญยิ่ง และ น.ส.กัลยาณี สิทธิยะ สองสามีภรรยาที่เป็นคนร้ายเดิมที่คนเช่าหอพักของตนใน จ.ปทุมธานี แบบเป็นรายเดือนจนสนิทคุ้นเคยกัน และมีความชำนาญในเรื่องของออนไลน์ ตนจึงจ้างให้มาดู “บ้านณัฐกาญจน์” มานานกว่า 6 ปี โดยทั้งสองคนได้ขนทรัพย์สินภายในบ้านที่แบ่งห้องให้เช่ารายวันและรายเดือนไป ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1 กฆ 5669 ปุทมธานี ทีวีขนาด 32 นิ้ว 8 เครื่อง ตู้เย็นขนาด 7 คิว 1 ตู้ ที่นอนขนาด 6 ฟุต จำนวน 8 ชิ้น เครื่องชงกาแฟ ถังแก๊ส กระเบื้องปูพื้น เหล็กเส้น อิฐบล็อค เครื่องตัดหญ้า กระทะพร้อมหัวแก๊ส 4 ชุด เตาย่างปลา เครื่องตัดไฟเบอร์ และเครื่องมือช่างอีกหลายรายการรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2 แสนบาท หลบหนีไปและไม่สามารถติดต่อได้


นางณัฐกานต์ ปิ่นภู่ เล่าให้ฟังว่า ตนมีธุรกิจห้องพักให้เช่ารายวันและรายเดือนอยู่ที่ จ.ปทุมธานี มาซื้อที่ตรงนี้และสร้างทำเป็นรีสอร์ทเล็ก ๆ ตั้งแต่ปี 2559 ด้านหน้าเป็นห้องเหมือนร้านอาหารและด้านในจะเป็นบ้านปูน 3 ชั้น ที่ชั้น 3 จะแบ่งเป็นห้องพักจำนวน 8 ห้อง และทำห้องเดี่ยวสีชมพูนอกตึกอีก 1 ห้อง แต่ยังไม่ทันเปิดให้บริการเพราะเศรษฐกิจไม่ดีและมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ตนจึงได้ให้สองสามีภรรยาที่สนิทคุ้นเคยกัน และเคยให้ช่วยเป็นแคชเชียร์ให้ที่ จ.ปทุมธานี มาดูแล โดยตนลงทุนให้ทุกอย่างเพื่อให้ทำอาหารตามสั่งขาย เพราะมีอุปกรณ์ทุกอย่างครบ ค่าไฟฟ้าตนจ่ายให้ ให้พักฟรีและคอยดูแลรีสอร์ทไปด้วย แรก ๆ พอมีคนมาพักบ้าง แต่หลัง ๆ ก็เงียบหายไปบอกไม่มีคนมาพัก แต่ตนผิดสังเกตตรงที่ค่าไฟแพง ตนเลยบอกไปว่าไม่ต้องรับคนเข้ามาพักแล้วให้ปิดไว้เฉย ๆ ส่วนหน้าร้านก็ให้ขายของเหมือนเดิม โดยระหว่าง 6 ปี สามีภรรยาคู่นี้จะโทรมาขอเงินตนเป็นประจำ ตนก็คอยโอนให้ตลอด ครั้งละ 1,000 บ้าง 2,000 บาท บางเดือนรวม ๆ ก็ 5-6 พัน ตนก็ไม่คิดอะไรเพราะอย่างน้อยเค้าก็คอยเฝ้าบ้านให้


นางณัฐกานต์ เล่าต่อว่าเมื่อ 2-3 วันก่อน เขาโทรแจ้งว่าอยากให้ตนช่วยหารถมาขนของกลับบ้านที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ให้หน่อย เพราะขายของไม่ดี ตนก็บอกว่าช่วงนี้ติดงานให้รอก่อนได้ไหม เค้าก็ขอเงินตนก็ยังโอนให้ไป 1,000 บาท ถัดมา 1-2 วันตนก็โทรหาอีกก็หวังจะคุยเรื่องขนของให้ แต่สุดท้ายก็ติดต่อไม่ได้ตนก็เอะใจ เมื่อวันอาทิตย์จึงได้เดินทางมาจาก จ.ปทุมธานี เพื่อมาดูที่รีสอร์ท ก็พบว่า 2 สามีภรรยา ไม่อยู่แล้ว และทรัพย์สินภายในรีสอร์ทหายไปหลายรายการ นอกจากนี้ระหว่างที่ตนตรวจสอบทรัพย์สินอยู่นั้นมีคนแสดงตนว่าเป็นผู้เช่าพักบ้านหลังสีชมพูของตนอยู่ ตนจึงสอบถามได้ความว่าได้มาติดต่อเช่าห้องพักกับ 2 สามีภรรยา เข้าพักเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา จ่ายเงินไป 2,000 บาท และยืนยันว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเห็นสองสามีภรรยาเอารถกระบะสี่ประตูมาขนรถจักรยานยนต์ออกไปจากรีสอร์ทแล้วก็หายไปเลย ตนจึงขอร้องให้ผู้เข้าพักช่วยเป็นพยานแจ้งความเอาผิดสองสามีภรรยาด้วย และระหว่างที่ตนแจ้งความอยู่ก็มีคนเดินทางมาที่รีสอร์ทบอกว่าจะมาเอาเครื่องมือช่างที่ซื้อไว้โอนเงินให้แล้วแต่ไม่ได้ของ พอสอบถามจึงทราบว่า 2 สามี-ภรรยา ได้นำทรัพย์สินภายในรีสอร์ททยอยโพสต์ขายตามเพจ กลุ่ม ขาย สินค้าต่าง ๆ บางรายก็ได้ของ บางรายก็โอนเงินให้แล้วแต่ไม่ได้ของก็มี ตนจึงแนะนำให้ผู้เสียหายมาแจ้งความเอาผิดกับสองสามีภรรยาด้วย