สองหนุ่มแจ้งตำรวจจับทีมงานบริษัทดีทีเอ็กฯ ฉ้อโกงหลอกลงทุน

เหยื่อถูกหลอกลงทุนให้ผลตอบแทนดีไม่หมดสิ้น ล่าสุดสองหนุ่มเมืองสองแควนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจถูกทีมงานบริษัทดีทีเอ็กฯ หลอกลงทุนขุดเหมืองเป็นเหรียญ TRX แล้วฉ้อโกงเงินลงทุนไปกว่า 5 แสนบาท คาดมีผู้เสียหายเกือบ 5 พันราย เตือนผู้ร่วมชะตากรรมอย่าหลงเชื่อว่าจะได้รับคืนเงินทุน วอนเข้าแจ้งความกับตำรวจโดยเร็ว

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 ม.ค. ร.ต.อ.สมศักดิ์ ขอเทียม รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งจากนายพัลลภ เอ้งฉ้วน และ นายศิริพงศ์ สนองคุณชูสิน สองนักธุรกิจเมืองพิษณุโลก เมื่อช่วงเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ได้มีทีมงานบริษัท ดีทีเอ็ก คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจประเภท กิจกรรมทางการเงินและการประกันภัย โดยให้บริการด้าน กิจกรรมเกี่ยวกับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ มีทุนจดทะเยน 1,000,000 บาท ได้เปิดอบรมและเชิญชวนนักลงทุนใน จ.พิษณุโลก เชิญชวนให้ร่วมลงทุนคริปโต ขุดเหมืองทอง ขุดเหรียญ TRX ได้ผลตอบแทนเป็นเงินสกุลดิจิตอล ซึ่งเหรียญ TRX 1 เหรียญ ราคา 2.08 บาท และสามารถคืนกำไรได้ภายใน 100 วัน แต่หลังจากลงทุนช่วงแรกก็ได้ผลตอบแทนดี จึงลงทุนเพิ่มขึ้น แต่สุดท้ายเริ่มมีปัญหาบริษัทบอกว่าจะคืนเงินทุนในวันที่ 15 ม.ค.66 แต่หลังจากครบกำหนดบริษัทกับปิดตัวลงยกเงินไลน์ ยกเลิกช่องทางติดต่อ จึงขอให้ตำรวจติดตามทวงเงินคืนและดำเนินคดีกับบริษัทฉ้อโกงเงินรายนี้เพื่อตัดกระบวนการหลอกลวงประชาชน สำหรับมูลค่าความเสียหายครั้งนี้นับพันล้านบาท จากคนร่วมลงทุนเกือบ 5 พันคนทั่วประเทศ ซึ่งในพิษณุโลกมีกว่า 100 คน

นายศิริพงศ์ สนองคุณชูสิน เปิดเผยว่า ตนได้ไปร่วมฟังการอบรม และสนใจร่วมลงทุนเนื่องจากเห็นว่าเป็นบริษัทลงทุนโดยคนไทย และให้ผลตอบแทนดี คืนกำไรได้รวดเร็ว อีกทั้งรุ่นพี่ที่มาเชิญชวนเชื่อมั่นว่าการลงทุนไม่สูญหายอย่างแน่นอน จึงลงทุนเป็นเงินไป 5 แสนบาท ซึ่งจะได้เงินคืน 1 เปอร์เซ็นต์ มีการปันผลทุก 100 วัน ช่วงแรกก็พอเห็นยอดเงินโอนเข้ามา และทางบริษัทอ้างว่าสภาพตลาดคริปโตยังไม่สามารถทำกำไรได้เหมือนช่วงที่ผ่านมา แต่บริษัทจะกลับมาทำกำไรได้ปกติในเร็วนี้ พร้อมประกาศสมาชิกสามารถทำธุรกรรมถอนต่าง ๆ ได้ในวันที่ 15 ม.ค.2566 ต้นไป แต่หลังจากนั้น ก็ไม่สามารถติดต่อกับบริษัทได้อีกเลย มีการปิดกลุ่มไลน์และช่องทางติดต่อทุกช่องทาง

ด้าน นายพัลลภ เอ้งฉ้วน กล่าวว่า สำหรับตนลงทุนไปในจำนวนที่อาจจะดูว่าไม่มากนัก เพียง 22,000 บาท แต่ก็เป็นเงินที่มากสำหรับตนแล้ว ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ตนก็ระมัดระวัง เพราะเคยเห็นว่ามีการหลอกลวง ฉ้อโกง จากกลุ่มมิจฉาชีพ แต่ด้วยเห็นทีมงานบริษัทน่าเชื่อถือ ในการมาเชิญชวน เพราะไปนั่งฟังแนวทางการลงทุนด้วยตนเองซึ่งมีบุคคลที่น่านับถือใน จ.พิษณุโลก เป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มนักธุรกิจหลายคน แต่ก็มาปรากฏว่ามีการโอนเงินมาเป็นตัวเลข แต่ไม่สามารถทำธุรกิจใด ๆ ได้ จะถอนออกก็ไม่ได้ จึงเชื่อว่าโดนหลอกแน่นอน จึงคุยกับเพื่อนที่ร่วมลงทุน และมาแจ้งความกับตำรวจ ให้ช่วยติดตามบริษัทดังกล่าว เพื่อทวงเงินคืน และต้องการเตือนภัยไม่ให้คนอื่นถูกหลอกลวงเช่นตนเองอีก เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องเอาไว้ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้เสียหายรายอื่นๆ นำหลักฐานเข้าร้องเพิ่มเติมได้ จากนั้นจะรวบรวมข้อมูลเพื่อพิจารณาว่าคดีนี้จะเข้าหลักเกณฑ์เป็นคดีพิเศษหรือไม่ หากมีผู้เสียหายจำนวนมากและมูลค่าความเสียหายสูงเข้ากับหลักเกณฑ์




