พี่น้องฝาแฝดอดีตนายอำเภอผู้ลงสมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขตเลือกตั้งที่ 2 และอดีต ผอ.กกต.เปิดปราศรัยหาเสียงและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกตั้ง กำลังจะลาพี่น้องประชาชนพายุฤดูร้อนพัดจนแตกตื่นวุ่นวายโกลาหล แต่ชาวบ้านไม่ลืมว่าวันที่ 14 พ.ย. จะต้องไปเข้าคูหากาเบอร์ 3

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 23 เมษายน  ที่บริเวณสนาม โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคเหนือ หมู่ที่ 5 ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ว่าที่ร้อยตรีอิทธิพล  บุบผะศิริ ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 2 พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 3 พร้อมด้วย พันโทจักรกริช บุบผะศิริ ข้าราชการบำนาญ อดีต ผอ.กกต.พิษณุโลก ซึ่งเป็นพี่ชายฝาแฝดขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงและสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ต.หัวรอ เกี่ยวกับเลือกตั้ง โดยแต่งกายเหมือนกันเช่นทุกครั้งที่ลงพื้นที่หาเสียงกับประชาชน โดยมีชาวบ้านตำบลหัวรอจาก12 หมู่บ้าน เข้าร่วมรับฟังกว่า 1,200 คน ว่าที่ร้อยตรีอิทธิพล เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องการเข้ามาทำงานเป็นผู้แทนราษฎร เนื่องจากตนเป็นครอบครัวลูกชาวบ้านเข้าถึงเรื่องความจนเป็นอย่างดี พี่น้องในครอบครัวของตนพยายามดิ้นรนในการที่จะเข้าไปศึกษาเล่าเรียนในกรุงเทพฯ โดยไปนอนอยู่ที่วัด จึงเข้าใจชีวิตคนจน การเป็นคนจนต้องทำอะไรอย่างเงียบ ๆ ไม่เหมือนคนรวยที่ทำอะไรเบา ๆ ก็ได้ยินหมด

เมื่อเรียนจบกฎหมาย เริ่มต้นรับราชการที่จังหวัดอุตรดิตถ์พร้อมกับพี่ชายฝาแฝด ผมเป็นปลัดอำเภอ และชีวิตหลังจากเกษียณ ก็มาเกษียณราชการ ที่จังหวัดพิษณุโลกพร้อมกัน เราทั้งสองทำงานรับใช้ชาวบ้าน โดยผมเป็นปลัดอำเภอหลายแห่ง และเป็นนายอำเภอ 2 อำเภอ คือ อำเภอพรหมพิรามและอำเภอเมืองพิษณุโลก ล่าสุดเป็นรองนายก อบจ.พิษณุโลก  ก่อนลาออกมาเพื่อสมัคร ส.ส.ในสมัยนี้ ตนจึงเข้าใจชาวบ้านดีเพราะลงพื้นที่ตลอด “ในการทำงาน มีคนทักผิดบ่อยครั้ง แต่ในการทำงานผมก็ได้พี่ชายช่วยด้วยเช่นเดียวกัน โดยพี่ชายขอฝากกับประชาชนทุกครั้งที่ลงพื้นที่ด้วยกันหรือเวลาเปิดเวทีปราศรัย ในฐานะที่เคยเป็นอดีต ผอ.กกต. เน้นย้ำทุกครั้งว่า ในวันที่ 14 พฤษภาคม  เวลา 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านได้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีบัตรให้เลือก 2 ใบ สีม่วงกับสีเขียว สีม่วงเลือก อิทธิพล เบอร์ 3 ส่วนสีเขียวเลือกพรรคภูมิใจไทย เบอร์ 7”

ว่าที่ร้อยตรีอิทธิพล กล่าวต่ออีกว่า การที่พี่ชายออกมาช่วยหาเสียงด้วยเพราะว่าเราเติบโตมาด้วยกัน มีแนวคิดคล้าย ๆ กัน ส่วนแนวคิดในการ สมัคร ส.ส.ในครั้งนี้ มีความอยากเห็นความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้น อยากมองเห็นการพัฒนาของพื้นที่ไม่ถูกทอดทิ้ง ตนพร้อมที่จะช่วยแก้ไขปัญหาในพื้นที่เขต 2 ทำทันทีไม่มีสร้างภาพ ทำทันทีพูดแล้วทำ สำหรับนโยบายหลักของพรรคภูมิใจไทยคือ การพักชำระหนี้ 3 ปีพักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกคนละไม่เกิน 1 ล้านบาท  โดยประชาชนไม่ต้องส่งเงินต้น ดอกเบี้ย รัฐเป็นคนดูแลให้ ถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน โควิดที่ผ่านมาประชาชนติดขัดในด้านเศรษฐกิจ ติดปัญหาด้านเงินทอง จึงเป็นโอกาสที่ดีของ ประชาชนในการหยุดชำระหนี้ เพื่อจะได้มีเวลาเก็บเงินชำระหนี้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บรรยากาศขณะที่การปราศรัยใกล้จะจบ ปรากฏว่ามีลมพายุฤดูร้อนพัดด้วยความแรง หอบฝุ่น มาบริเวณที่จุดปราศรัย ทำให้ชาวบ้านแตกตื่น รีบหลบหนีลมพายุก่อนที่ฝนจะตก ทำให้บรรยากาศในช่วงนั้นวุ่นวาย โกลาหล ชาวบ้านต่างรีบเร่งกลับบ้าน ขณะที่เก้าอี้พลาสติก ถูกลมพัดปลิว แต่ชาวบ้านบางส่วนได้ช่วยกันเก็บเก้าอี้พร้อมป้ายหาเสียงก่อนที่จะเดินทางกลับด้วย

• แชร์
• ทวีต
• ส่งไลน์