ลอดเรือรับเสด็จสมัย ร.5 บนให้ขายที่ดินมูลค่าเกือบ 100 ล้านบาทได้ดังหวัง

นักท่องเที่ยวพากันเดินทางไปลอดใต้ท้องเรือรับเสด็จ และกราบสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ภายในศาลานาวาเสด็จน่านนที วัดราชบูรณะ เพื่อความเป็นสิริมงคล และขอโชคลาภ พร้อมบนบานขอให้ขายที่ดินราคา 95 ล้านบาทสำเร็จดังหวัง


วันที่ 1 พ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวและประชาชนชาวเมืองสองแควต่างพาครอบครัวไปเที่ยวชมวัดราชบูรณะ ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก ที่เป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดอีกวัดหนึ่ง ซึ่งมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมศึกษาประวัติศาสตร์จากภาพจิตรกรรมฝาพนังในวิหารหลวงพ่อทองดำและอุโบสถ์ และกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดกันจำนวนมาก ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากนักท่องเที่ยวและประชาชนบูชาธูปเทียนและดอกไม้กราบไหว้พระพุทธรูปบริเวณหน้าวิหารแล้ว ทุกคนต่างพากันเข้าไปกราบไหว้สักการะขอพรกับหลวงพ่อทองดำ พระประธานในวิหาร พร้อมกับถวายดอกไม้ และให้ พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ ปะพรมน้ำมนต์ให้เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัว



โดยวันนี้มีครอบครัวหนึ่งเดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร ได้เล่าให้เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะฟังว่า พี่สาวที่อยู่ประเทศสหรัฐฯ เห็นข่าวมีนักท่องเที่ยวมาลอดเรือรับเสด็จสมัยรัชกาลที่ 5 ที่อยู่ในศาลานาวาเสด็จน่านนที จึงให้บอกให้ตนมาลอดเรือเพื่อขอพรให้ขายที่ดินในกรุงเทพฯ แปลงหนึ่งที่ตนตั้งราคาไว้ 95 ล้านบาทได้ตามที่ตั้งใจไว้ วันนี้จึงพาบุตรชายและเพื่อนที่กรุงเทพฯ มากราบหลวงพ่อทองดำและลอดเรือรับเสด็จสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อบนบานให้ขายที่ดินแปลงดังกล่าวได้ พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสจึงได้เขียนยันต์ “นมมนตวาน์สมเด็จพระนางพญาองค์ใหญ่” และลงคาถาให้ที่มือของหญิงสาวคนดังกล่าวพร้อมกับอวยพรให้ประสบความสำเร็จดังที่มุ่งมาดปรารถนา



สำหรับเรือไม้โบราณในศาลานาวาเสด็จน่านนทีภายในวัดราชบูรณะ ชาวเมืองพิษณุโลกใช้เรือลำนี้พร้อมทั้งเรือร่วมขบวนประมาณ 20 ลำ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและข้าราชบริพารเมื่อครั้งพระองค์ประพาสเมืองพิษณุโลกประมาณปี พ.ศ.2444 โดยเรือหลวงนั้นจะจอดไว้ที่ จ.นครสวรรค์ และเมื่อรัชกาลที่ 5 เสด็จกลับ จึงนำเรือร่วมขบวนเสด็จขึ้นเก็บไว้ยังวัดต่าง ๆ ทุกวันนี้ที่ยังมีให้เห็นกันอยู่ เช่น วัดบางทราย วัดท่าตะเคียน เป็นต้น เมื่อปี พ.ศ.2527 ทหารค่ายสฤษดิ์เสนามาช่วยพัฒนาวัดอยู่หลายร้อยนายพบเรือลำนี้จมอยู่ใต้ดิน พระอธิการสิน อมโร (จิตรจอม) เจ้าอาวาสวัดในขณะนั้นจึงขอให้เหล่าทหาร ช่วยนำเรือขึ้นมาไว้ที่ใต้หอไตรปิฎก เมื่อบูรณะเสร็จจึงนำไปไว้ที่หน้าศาลาการเปรียญ ต่อมาปี พ.ศ.2533 ทางวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) ได้นำไปบูรณะซ่อมแซมต่อเติมแล้วนำลงลอยแม่น้ำน่าน ในนาม เรือพระยาจีนจัตตุ ช่วงงานแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราชพิษณุโลก 400 ปี หลังจากนั้นนำขึ้นมาจัดเก็บไว้ที่วัดราชบูรณะ คาดว่าเป็นเรือที่ประทับ เพราะมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาเรือร่วมขบวนเสด็จ มีขนาดกว้าง 1.70 เมตร ยาว 12 เมตร



พระครูสถาพร สังฆกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ เล่าให้ฟังว่า ชาวบ้านเชื่อว่าการที่ผู้ใดลอดใต้ท้องเรือนั้นจะเกิดความเป็นสิริมงคลต่อตนเอง อีกทั้งสมัยโบราณนั้นมีความเชื่อกันว่า หากใครที่โดนคุณไสยหรือพบเจอสิ่งไม่ดี ก็จะนำน้ำใต้ท้องเรือที่จอดอยู่มาดื่ม หรือมาล้างหน้า ล้างตัว เพื่อแก้คุณไสยหรือขับไล่สิ่งไม่ดีออกไปตนเองและครอบครัว ทางวัดจึงยกให้สูงขึ้นเพื่อให้คนที่ลอดใต้ท้องเรือแคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง การลอดใต้ท้องเรือจะลอด 3 – 5 รอบ หรือ 9 รอบ ตามแต่ศรัทธา และให้อธิษฐานก่อนแล้วเริ่มลอดจากท้ายเรือไปยังหัวเรือ ส่วนมากแล้วคนที่มากราบสักการะขอพรบนบานต่าง ๆ มักจะมาขอพรเรื่องการเดินทางไกลให้ปลอดภัยโดยสวัสดิภาพ ขอให้ประสบสำเร็จทุกสิ่งอย่างในด้านหน้าที่การงาน ขายที่ดินขายบ้านได้ บ้างก็ขอโชคลาภโดยมองหาตัวเลขใต้ท้องเรือหรือเลขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไปเสี่ยงโชคกันก็มี เมื่อประสบความสำเร็จสมหวังแล้วจึงกลับมาแก้บน โดยนำดอกกุหลาบมาถวายแก้บน บางคนนำมาถวายมากถึง 900 ดอก หรือไม่ก็ซื้อพวงมาลัยมาคล้องที่หัวเรือก็มี




