รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยท้าชาวเมืองสองแควเลือกผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก ของพรรคภูมิใจไทย 3 คน จากที่มีทั้งหมด 5 เขต รับรองบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงรุ่งเรืองแน่ ยันพรรคพร้อมดัน พ.ร.บ.ข้าว ช่วยชาวนาไทยทั้งประเทศ

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 10 พฤษภาคม 66  ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ หน้าสำนักงานเทศบาลตำบลพรหมพิราม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก นายชาดา  ไทยเศรษฐ์  รองหัวหน้าพรรคภูมิไทย และ นายนิยม ช่างพินิจ อดีต ส.ส.พิษณุโลก ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย เขต 4 ได้เดินทางมาช่วย ว่าที่ร้อยตรีอิทธิพล  บุบผะศิริ  ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยเขต 2 พิษณุโลก เบอร์ 3 ปราศรัยหาเสียงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ในวันที่  14  พฤษภาคมนี้ โดยมีชาวบ้านในพื้นที่ อ.เมือง 3 ตำบล และ อ.พรหมพิราม เข้าร่วมรับฟังมากกว่า 3,000 คน ซึ่งนายนิยมในฐานะที่เคยเป็นอดีต ส.ส.ของ อ.พรหมพิราม ในช่วงปีที่ยังไม่ถูกแบ่งออกเป็น 5 เขตเลือกตั้ง ได้กล่าวถึง ว่าที่ร้อยตรีอิทธิพลเมื่อครั้งทำงานในตำแหน่งนายอำเภอว่า ปฏิบัติตนแบบบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบเป็นอย่างดี ทำงานแบบเข้าถึงประชาชนทันทีเมื่อทราบปัญหา แม้กระทั่งการเมืองท้องถิ่นในตำแหน่งรองนายก อบจ.พิษณุโลก ก็ลงพื้นที่ตลอดทุกวันทั่วทั้งจังหวัด ตนขอฝากพี่น้องประชาชนช่วยกันพิจารณาเลือกนายอำเภออิทธิพล เบอร์ 3 เข้าไปเป็น ส.ส.พิษณุโลก อีกคนหนึ่งด้วย

จากนั้น นายชาดา ไทยเศรษฐ์  รองหัวหน้าพรรคภูมิไทย ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยว่า พรรคภูมิใจไทยส่งผู้สมัครลงครบ 5 เขต  ผมเป็น ส.ส.ครั้งแรก เป็นคนเสียงดังพูดอะไรคนก็ไม่ฟัง การมาอยู่พรรคภูมิใจไทยมีทีมงานดีทำงานเป็นทีม วันนี้ไปดูบ้านผม จ.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส. 2 คน เป็น รมช. 1 คน มีไฟฟ้าสว่างมากมาย ว่าที่ร้อยตรีอิทธิพล เป็นอดีตนายอำเภอพรหมพิรามและอำเภอเมือง ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งรองนายก อบจ.พิษณุโลก แล้วตัดสินใจลาออกมาสมัคร ส.ส. เมื่อมาเป็นทีมงานของพรรคภูมิใจไทย เราทำงานเป็นทีม มีระบบ พี่น้องเราเกี่ยวแฝกมุงฟ้าไม่ได้ แต่เกี่ยวแฝกมุงหลังคาบ้านเราได้  ตำบลดี อำเภอดี จังหวัดต้องดีแน่นอน ถ้าจังหวัดดีประเทศชาติเราก็ดีเช่นกัน การเมืองครั้งนี้เป็นการเมืองยุคดิจิตอล ยุคโฆษณาประชาสัมพันธ์ น้อง ๆ ลูกหลานเราดูอยู่ตลอด  นั่งจ้องกดไลฬ์กดติดตามกันตลอดตามองจอไม่เคยดูว่า ถนนดีไหม ไฟฟ้าสว่างไหม ธรรมดาผมก็เล่นโซเชียล แต่พี่น้องอย่าเลือกใครเพราะโซเชียล เลือกใครเพราะข่าว เพราะวันนี้อำนาจอยู่ในมือท่าน

“ผมไม่อยากพูด หัวหน้าพรรคบางคน คลิปก็มี เคยพูดกัญชาดี กัญชาวิเศษ ตัวผมเคยเป็นโรคลมชักเคยใช้กัญชา แต่เวลาที่พรรคภูมิใจไทยทำ ตอนนี้ออกมาตีกัญชา มีบางคนรับเงินจากบริษัทยามาก็มาตีกัญชา  หัวหน้าพรรคบางคนบอกไม่เอากัญชา ทั้งที่เมื่อปีที่แล้วยังยกมือลงคะแนนให้กัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ไปเห็นแอพพลิเคชั่นหนึ่ง มีคนล้านคนเกิดหวั่นไหว ก็มาโจมตีพรรคภูมิใจไทย ท่านจะเลือกท่านต้องเลือกดูด้วยใครโกหกใครพูดจริง มีระบบคนกดไลฟ์ให้เป็นหมื่นเป็นแสน ผมบอกว่าท่านต้องใช้ความคิดพิจารณา ผมไม่เข้าใจการเมืองเมืองไทยยุคนี้ โกหกกันหน้าด้าน ๆ วันหนึ่งพูดอย่างนี้วันนี้พูดอีกอย่าง พรรคภูมิใจไทยเราพูดแล้วทำ เพราะเราทำอะไรไว้ เราทำอะไรได้ไม่ได้ เราบอกชัดเจน ไม่พูดเพื่อหาเสียง เพื่อให้ประชาชนพิจารณา  เลือกพรรคเป็นความรักความชอบของท่าน  ถ้าเห็นว่าพรรคเราดีให้เลือกเบอร์ 7  แต่ขอให้เลือกพรรคที่เสนอแคนนิเดตนายกแค่คนเดียว  พรรคที่เสนอ 3 คนประชาชนมีสิทธิ์เพียงแค่เลือกพรรค แต่ไม่ใช่เลือกนายกฯ ประชาชนทำได้เพียงแค่นำเสนอ ส่วนใครจะได้เป็นนายกฯ ก็ขึ้นอยู่กับการคัดเลือกของกรรมการบริหารพรรคนั้น

ผมมาเพื่อสนับสนุนให้นายอำเภออิทธิพลได้รับโอกาสจากพี่น้องประชาชนทุกท่าน เพื่อเข้าไปเป็นทีมงานของพรรคภูมิใจไทย ถ้าเข้าไปไม่ทำงานผมไม่เอาชื่อเสียง ส.ส. 3 สมัยสิ่งที่ผมสร้างบ้านเมืองของผมไว้มาเสี่ยงสนับสนุนนายอำเภออิทธิพลแน่นอน แต่ผมมั่นใจว่านายอำเภออิทธิพลทำงานแทนประชาชนได้จริง พร้อมทำงานให้คนพิษณุโลก ผมทำ พ.ร.บ.อ้อยประสบความสำเร็จแล้ว เหลือ พ.ร.บ.ข้าว ที่ผมต้องทำให้สำเร็จในสมัยนี้ให้ได้ ตั้งปณิธานว่า จะให้ชาวนาทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง อยากให้เกษตรกรอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี อยากให้คนไทยไม่ทิ้งการทำนาเพราะอยู่ไม่ได้ ต้นทุนการทำนาเท่าไหร่ เพราะเราอยู่กับข้าว พื้นฐานขอให้ชาวนาอยู่ได้ ประเทศนี้ดีแน่นอน สำหรับจังหวัดพิษณุโลก ถ้าได้ ส.ส.คนเดียวเราก็ทำงานได้ จ.พิษณุโลก ได้ ส.ส.มาจากพรรคการเมืองหลายพรรคก็มาตัดสินใจพิจารณาดูว่า เกิดอะไรขึ้น มาพิจารณาดู แต่วันนี้ พรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส.คนเดียวเราก็ทำงานให้จังหวัด แต่ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส. 3 คน เรามีดูกันว่าบ้านเมืองพิษณุโลกจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน ผมท้าให้ลองดู นายชาดากล่าว ในที่สุด