เปิดกิจกรรมกล่องนมรักษ์โลก (ชุมชน) เป็นปฐมฤกษ์

พ่อเมืองสองแควเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ “พิษณุโลกเมืองใช้ประโยชน์จากขยะ” จับมือวงษ์พาณิชย์ ภาคเอกชน ประกาศปฏิบัติการ “หยุดทิ้ง! กล่องเครื่องดื่มใช้แล้วขายได้” กับ กิจกรรม “กล่องนมรักษ์โลก (ชุมชน)” ตั้งเป้าจัดเก็บกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วให้ได้ไม่ต่ำกว่า 5 ตันในเดือนธันวาคม 2566

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 4 ธันวาคม 2566 นายภูษิต สมจิตต์ ผวจ.พิษณุโลก เป็นประธานแถลงข่าวและเปิด “ปฏิบัติการหยุดทิ้งกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วขายได้กับกิจกรรมกล่องนมรักษ์โลก (ชุมชน)” พร้อมด้วย ดร.สมไทย วงษ์เจริญ ผู้ก่อตั้ง ประธานบริหารกลุ่มวงษ์พาณิชย์ กรุ๊ป บริษัทวงษ์พาณิชย์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นายปฏิญญา ศิลสุภดล ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืน บริษัทเต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด น.ส.สลิลลา สีหพันธุ์ ผู้อำนวยการบริหารองค์กรสัมพันธ์ ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัทเนสท์เล่ (ไทย) จำกัด และนายสมยศ วัฒน์พานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัทอีโค่ เฟรนด์ลี่ ไทย จำกัด ตามโครงการ “พิษณุโลกเมืองใช้ประโยชน์จากขยะ” เพื่อส่งเสริมการคัดแยก เก็บกลับวัสดุใช้แล้ว จากภาคประชาชน โดยตั้งเป้าจัดเก็บให้ได้ไม่ต่ำกว่า 5 ตันในเดือนธันวาคม 2566 ที่ลานอเนกประสงค์ เทศบาลตำบลหัวรอ อ.เมืองเมืองพิษณุโลก โดยมีหัวหน้าส่วนราชการและประชาชนชาวตำบลหัวรอร่วมในพิธีกว่า 300 คน


นายภูสิต สมจิตต์ ผวจ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงาน “พิษณุโลก เมืองใช้ประโยชน์จากขยะ (Phitsanulok, the City of Recycling)” โดยมีกรอบการดำเนินงาน แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ลดปริมาณขยะต้นทาง จัดทำระบบเก็บและขนอย่างมีประสิทธิภาพ และการกำจัดมูลฝอยปลายทางให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยวันนี้ตรงกับวันสิ่งแวดล้อมไทย ทางจังหวัดจึงได้จัดให้มีการแถลงข่าวแบบมีส่วนร่วม ระหว่างจังหวัดพิษณุโลกและบริษัทวงษ์พาณิชย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในงานปฏิบัติการ “หยุดทิ้ง! กล่องเครื่องดื่มใช้แล้วขายได้” กับกิจกรรม “กล่องนมรักษ์โลก (ชุมชน)” ซึ่งร่วมสนับสนุนโดยบริษัทเต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทเนสท์เล่ (ไทย) จำกัด และโรงงานรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วของบริษัทอีโค่ เฟรนด์ ไทย จำกัด เพื่อรณรงค์ให้เกิดการคัดแยกบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคจากต้นทาง เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งประเภท นั่นก็คือ กล่องเครื่องดื่มยูเอซที ได้แก่ กล่องนม กล่องน้ำ ผลไม้ กล่องกะทิ ที่ทุกคนสามารถนำมาขายให้กับร้านวงษ์พาณิชย์ทุกสาขา เพื่อผลักดันให้เกิดการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วของภาคประชาชน เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลหรือนำไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ช่วยลดปริมาณของขยะที่หลุมฝังกลบและลดปริมาณมลพิษ ตลอดจนผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทย (Circular Economy) อย่างยั่งยืน


ด้าน ดร.สมไทย วงษ์เจริญ บริษัท วงษ์พาณิชย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้รับซื้อขยะรีไซเคิลรายใหญ่ของประเทศ มีสาขา อยู่ทั่วประเทศ 2,340 สาขา ได้เปิดดำเนินกิจการมาแล้วในปีนี้ซึ่งเป็นปีครบรอบ 50 ปี ได้เข้าร่วมสนับสนุนโครงการ พิษณุโลกเมืองใช้ประโยชน์จากขยะ (Phitsanulok , the City of Recycling) อย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากล่องเครื่องดื่มใช้แล้ว ไม่มีการรับซื้อ ถูกทิ้งไปในบ่อขยะทั่วประเทศ ประมาณ 85,000 ตันต่อปี ในปัจจุบันได้เปิดรับซื้อแล้วอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนเรื่องการเรียกกลับคืน เพื่อนำมาสร้างประโยชน์ด้วยการรีไซเคิลได้ ตามหลักการความรับผิดชอบต่อสังคม Extended Producer Responsibility (EPR) จากบริษัทเต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด, บริษัท อีโค่ เฟรนด์ลี่ ไทย จำกัด ปฏิบัติการกิจกรรม “หยุดทิ้ง กล่องเครื่องดื่มใช้แล้ว ขายได้” สามารถนำกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วมาขายได้ ที่วงษ์พาณิชย์ ทั่วไทย ราคากิโลกรัมละ 4.50 บาท สำหรับโรดโชว์ปฏิบัติการ “หยุดทิ้ง! กล่องเครื่องดื่มใช้แล้วขายได้” กับกิจกรรม “กล่องนมรักษ์โลก (ชุมชน)” จัดขึ้นเป็นปฐมฤกษ์ ในวันที่ 4 ธันวาคม ที่ จ.พิษณุโลก และดำเนินการในเขตพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมุ่งเน้นให้ความรู้การคัดแยกกล่องเครื่องดื่มยูเอชทีหลังการบริโภค และกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มโรงเรียน เด็กนักเรียนระดับประถม มัธยม อุดมศึกษา และตลาดสด แม่ค้า ชุมชน ครัวเรือน ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจัดเก็บกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วจาก ภาคประชาชนในพิษณุโลกไม่ต่ำกว่า 5,000 กิโลกรัม ในเดือนธันวาคม 2566 นี้



ด้าน นายปฏิญญา ศิลสุภดล ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืน บริษัทเต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการนี้คือหนึ่งในโครงการด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยที่มีความสำคัญมากที่สุดของบริษัทฯ เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะส่งเสริมให้เกิดการจัดการกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วที่ถูกวิธีอย่างยั่งยืน ให้กับชุมชนตามนโยบายและแผนงานที่เราได้ดำเนินงานมาตลอดระยะเวลาหลายปี เต็ดตรา แพ้ค ในฐานะผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการผลิตอาหารและเครื่องดื่มรวมถึงกล่องเครื่องดื่มยูเอชที เรามุ่งมั่นที่จะปกป้องอาหาร ผู้คน และโลกของเรา โดยยึดหลักการสากลในเรื่อง “ความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิต หรือ Extended Producer Responsibility (EPR)” ในการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม เราเชื่อว่า บรรจุภัณฑ์ใช้แล้วไม่ใช่ “ขยะ” แต่เมื่อแยกออกมา คือ “วัตถุดิบ” ในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัทฯ รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ของเราและยินดีที่เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการลดปริมาณขยะต้นทาง เพื่อขับเคลื่อนโครงการ “พิษณุโลกเมืองใช้ประโยชน์จากขยะ” ให้ประสบความสำเร็จ



น.ส.สลิลลา สีหพันธุ์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัทเนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า”กล่องนมรักษ์โลก(ชุมชน)” เป็นการต่อยอดจากโครงการ “กล่องนมรักษ์โลก” ภายใต้ความมุ่งมั่นของไมโล ที่ต้องการปลูกฝังจิตสำนึกและพฤติกรรมด้านความยั่งยืนให้แก่เด็ก โดยเริ่มต้นจากที่โรงเรียน และขยายผลมายังระดับครัวเรือน ชุมชน ร้านค้าเทศบาล เพื่อส่งเสริมการคัดแยก และเปลี่ยนขยะให้เกิดประโยชน์ผ่านการจัดการที่เหมาะสมตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า การลงมือเก็บและคัดแยกขยะอย่างจริงจัง เพื่อนำไปรีไซเคิลได้อย่างถูกวิธี ทำให้ปริมาณขยะในโรงเรียน ชุมชน ลดลงอย่างเป็นรูปธรรม ตามความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ว่าเราจะป้องกันมิให้เกิดขยะสู่หลุมฝังกลบและแหล่งน้ำ โดยมีจิ๊กซอว์สำคัญจะทำให้ประสบความสำเร็จ คือความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน บริษัท ฯ ขอขอบคุณคณะผู้บริหารของจังหวัดพิษณุโลก เทศบาลสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา โรงเรียน ชุมชน วัด ร้านค้า และวงษ์พาณิชย์ ที่จะช่วยให้เกิดการเก็บกลับคัดแยกบรรจุภัณฑ์กล่องเครื่องดื่มยูเอขทีเพื่อนำไปรีไซเคิล



ส่วน นายสมยศ วัฒน์พานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีโค่ เฟรนด์สี่ ไทย จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดาษและกล่องเครื่องดื่มยูเอชที กล่าวว่า กล่องเครื่องดื่มมีวัตถุดิบหลักเป็นประกอบเป็นพลาสติก อะลูมิเนียมฟอยล์ ซึ่งเมื่อเข้าสู่กระบวนการแยกเยื่อกระดาษ จะสามารถได้เยื่อกระดาษคุณภาพสูง ไปใช้ในอุตสาหกรรมกระดาษไซเคิล กระดาษทิชชู่ เป็นต้น ขณะที่พลาสติก อะลูมิเนียมฟอยล์ สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อพัฒนาเป็นสินค้าใหม่ เช่น แผ่นอิฐปูพื้นถนน ไม้เทียม ฯลฯ โดยในปี 2567 บริษัทตั้งเป้ารับซื้อกล่องเครื่องดื่มยูเอชที่ใช้แล้ว 2,000 – 3,000 ตันเพื่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล




