ศึกษาพัฒนายกระดับพร้อมปั้นนักวิจัยชาวบ้านหาแนวแก้จนให้ชุมชนยั่งยืน

คณะวิจัยมหาวิทยาลัยนเรศวรแถลงผลการวิจัยการศึกษา 3 พื้นที่ของจังหวัดพิษณุโลก หาแนวทางการแก้จน พร้อมสร้างนักวิจัยชาวบ้านเพื่อให้ชุมชนยั่งยืน มีอาชีพมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์พื้นบ้านให้มีคุณภาพ เพิ่มช่องทางการตลาดให้กว้างขวาง ขับเคลื่อนไปพร้อมกับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 ก.พ.2568 ศ.ดร.จิรวัฒน์ พิระสันต์ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก หัวหน้าโครงการวิจัยเรื่อง การศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำภาคเหนือตอนล่าง : กรณีศึกษาจังหวัดพิษณุโลก ระยะที่ 2 ปีที่ 2 พร้อมทีมวิจัย แถลงข่าวถึงการทำงานวิจัยเรื่องนี้ว่า จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาและยกระดับในหลายด้าน อาทิ กลไกความร่วมมือการแก้ไขความยากจนและสร้างโอกาสทางสังคมในจังหวัด มีระบบการค้นหาสอบทานข้อมูลครัวเรือนยากจนให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด ด้วยกระบวนการมีส่วนอย่างมีมาตรฐานสร้างความเป็นเจ้าของและการยอมรับข้อมูลกลไกภาคีพื้นที่ ระบบการส่งต่อความช่วยเหลือให้กับคนจนกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงสวัสดิการภาครัฐ/ ชุมชน/ เอกชน สร้างโอกาสทางสังคมอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมพัฒนาและยกระดับโมเดลแก้จนที่สอดคล้องกับบริบทความยากจน พื้นที่และสร้างรายได้ให้คนจนเป้าหมายด้วยองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม

ทั้งนี้ เมื่อทำแล้วพบว่ามหาวิทยาลัยได้ประโยชน์ที่เกิดขึ้นอย่างคุ้มค่าทำให้เกิดบูรณาการงานวิจัยกับการเรียนการสอน การบริการวิชาการแก่สังคม และการส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรรม ตามพันธกิจหลัก ของมหาวิทยาลัยได้อย่างสมบูรณ์ ในขณะเดียวกันชุมชนก็ได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นเดียวกัน เกิดนวัตกรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงในชุมชน ประชาชนมีอาชีพและมีรายได้เพิ่มขึ้น 20 % และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การที่มหาวิทยาลัยสามารถสร้างนักวิจัยชาวบ้านในชุมชน ที่สามารถลงมือทำงานวิจัยได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพานักวิชาการจากมหาวิทยาลัยอีกต่อไป อันจะส่งผลให้การพัฒนาชุมชนและสังคมมีความต่อเนื่องและยั่งยืน

โดยยุทธศาสตร์การวิจัยของมหาวิทยาลัย ได้กำหนดบทบาทในการเป็นกลไกหนุนเสริมงานวิจัยเพื่อชุมชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาระบบงานวิจัยของมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะการพัฒนาโจทย์วิจัยเพื่อท้องถิ่น ต้องสอดคล้องกับความต้องการของชุมชน โดยทั้งก่อนกระบวนการวิจัยและระหว่างดำเนินการวิจัย มหาวิทยาลัยได้มีการส่งเสริมการทำงานวิจัยเพื่อชุมชน โดยการจัดอบรมให้ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญวิจัยเพื่อชุมชน การดำเนินงานวิจัยเพื่อชุมชนในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้นักวิจัยชาวบ้านและนักวิจัยอาจารย์ เกิดความเข้าใจและเกิดความเชื่อมั่นต่อการทำงานวิจัยเพื่อชุมชนของตนเอง

ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นกับกลุ่มคนจนที่กิจกรรมเข้าไปสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงรายได้ คนในพื้นที่มีรายได้เพิ่มมากขึ้น หรือลดรายจ่ายครอบครัวลงจากกิจกรรม เป็นผลตอบแทนในรูปแบบเชิงตลาด กิจกรรมเข้าไปสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพของคนจน คนในพื้นที่มีการศึกษาดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น อายุยืนขึ้น โรคภัยไข้เจ็บลดลง และกิจกรรมเข้าไปสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพของสิ่งแวดล้อม อาทิ คุณภาพอากาศดีขึ้น สารเคมีตกค้างลดลง ป่าไม้อุดมสมบูรณ์มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การวิจัยครั้งนี้ได้เลือกศึกษาโครงการแก้ปัญหาความยากจนจำนวน 3 พื้นที่ได้แก่ เทศบาลนครพิษณุโลก ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง และ ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย เพื่อพัฒนาและยกระดับกลไกความร่วมมือเพื่อขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ และพัฒนาศักยภาพของคนจนเป้าหมายและกับบริบทของพื้นที่ ที่ทำให้คนจนหลุดพ้นความยากจน ประกอบด้วย ระบบค้นหา ระบบข้อมูลครัวเรือนยากจนกลางของจังหวัด ระบบการส่งต่อช่วยเหลือให้กับคนจนเป้าหมาย และพัฒนาและยกระดับโมเดลแก้จนระดับพื้นที่ที่เหมาะสม กับศักยภาพคนจนเป้าหมายสอดคล้องกับบริบทพื้นที่ด้วยการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อพัฒนาอาชีพและยกระดับรายได้ต่อไป