โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก เผย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ค้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลรวมกว่า 238 ล้านบาท แต่เพิ่งชำระคืนเพียง 15 ล้านบาท ยืนยันยังให้บริการประชาชนตามมาตรฐานเดิม แม้อาจเกิดผลกระทบทางอ้อมต่อการจ่ายยาและค่าตอบแทนบุคลากร พร้อมเรียกร้องให้ สปสช. และกระทรวงสาธารณสุขเร่งแก้ปัญหาการเงิน เพื่อไม่ให้กระทบระบบสาธารณสุขในภาพรวม

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 ต.ค.2568 ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก นพ.มาโนช  อู่วุฒิพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพุทธชินราช และ พญ.รัชริน  เบญจวงศ์เสถียร ประธานองค์กรแพทย์โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กรณีเงินจาก สปสช. ที่เป็นประเด็นค้างจ่ายโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ โดยแถลงประเด็นหลักในวันนี้คือหนี้ค้างจ่ายจาก สปสช. โดยเฉพาะโรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก ในรอบ 2 เดือน คือเดือนสิงหาคมและกันยายน 2568 มีบัญชีชำระรักษาผู้ป่วยไปแล้ว 238 ล้านบาท แต่ สปสช.เพิ่งชำระมาเพียง 15 ล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และจากคำชี้แจงของ สปสช. ที่น่าเป็นห่วงคือ ค่า 1RW ที่ตั้งแต่ต้นปีมีการตกลงค่า 1RW ไว้ที่ 8,350 บาท แต่วันศุกร์ที่ผ่านมาที่โอนให้โรงพยาบาลพุทธชินราชคือ 15 ล้านบาท นั้น มีการคิดของ สปสช. คิดค่า RW คงเหลือ 6,000-7,000 บาทต่อเคส และที่น่าตกใจก็คือไม่ใช่แค่มีผลย้อนหลัง 2 เดือนเท่านั้น แต่ยังมีผลย้อนหลังไม่ถึงต้นปีด้วย บางโรงพยาบาลที่เป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก จากที่เคยเป็นเจ้าหนี้ สปปช. ณ วันนี้ถ้าคิด ค่า 1RW แบบนี้บางโรงพยาบาลกลายเป็นลูกหนี้ สปสช.เสียเอง เพราะต้องมียอดที่ต้องโอนคืนให้กับ สปสช. ผลกระทบ ณ วันนี้ก็คือ โรงพยาบาลได้ให้บริการไปแล้ว ตามค่า 1 RW คือ 8,350 บาทต่อเคส ทั้งๆที่ต้นทุนจากการศึกษาจากหน่วยงานที่เป็นกลางอยู่ที่ 16,000 ต่อ 1RW จึงอยาก สปสช.ให้มีการทบทวนวิธีคิด

นพ.มาโนช กล่าวต่อว่า ภาคประชาชนที่มาใช้บริการไม่ต้องเป็นห่วง ขอย้ำว่าโรงพยาบาลรัฐทุกแห่ง โดยเฉพาะโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จะดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย ไม่ด้อยกว่าค่ามาตรฐาน แต่อาจจะมีผลกระทบทางอ้อมบ้าง เช่น การจ่ายยาบางตัวบางเคสจากเดิมเคยจ่ายให้หลาย ๆ เดือน อาจจะค่อย ๆ ซอยจ่ายยาให้แทน อย่างที่เคยรับยาแบบ 6 เดือนครั้ง อาจจะต้องปรับลงเหลือเดือนละครั้งแล้วแต่เคส ซึ่งจะส่งผลกระทบคือ 1.การบริการผู้ป่วย – งบประมาณที่ขาดแคลนส่งผลต่อการจัดซื้อเวชภัณฑ์และครุภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการดูแลผู้ป่วย 2.ความปลอดภัยของผู้ป่วย – ความล่าช้าในการจัดหาอุปกรณ์และยาจำเป็น อาจส่งผลให้การรักษามีความเสี่ยง 3.บุคลากรทางการแพทย์ – การเบิกจ่ายค่าตอบแทน ค่าเวร และงบสนับสนุนอื่น ๆ อาจล่าช้า สร้างภาระและความท้อแท้แก่บุคลากรการแพทย์ทุกระดับ แต่จะพยายามจ่ายให้ตรงเวลาและครบถ้วนโรงพยาบาลอาจจะใช้วิธีไปยืดหนี้จากเจ้าหนี้จากอุปกรณ์การแพทย์ด้านอื่นไปก่อน

สำหรับเงินบำรุงคงเหลือของโรงพยาบาลพุทธชินราชนั้น โรงพยาบาลมีเงิน บริหารงานบำรุงหลายร้อยล้านบาทแต่เมื่อหักลบกลบหนี้จากการติดหนี้ ค่ายาค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์แล้ว ณ วันนี้โรงพยาบาลพุทธชินราช มีเงินบำรุงคงเหลือติดลบอยู่ที่ 60 ล้านบาท หากเปรียบเทียบให้ประชาชนเข้าใจง่าย ๆ ก็คือ สถานการณ์ตอนนี้เปรียบเสมือนร้านขายก๋วยเตี๋ยว ติดป้ายประกาศไว้ชัดเจนว่าขายชามละ 50 บาท แต่ลูกค้ามากินบอกมีเงิน 40 บาทจะขอจ่ายแค่ 40 บาท แม้จะรู้ว่ามีประกาศไว้แล้ว และแม้จะมีเงินพอ เกิน 50 บาท แต่ขอใบเสร็จด้วย เงินเหลือ 30 บาท นี่คือสิ่งที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเจอในขณะนี้ ไม่เพียงแค่นั้น ลูกค้ายังขอคิดย้อนหลังด้วย เคยกินไปชามละ 50 บาท เหลือ 40 บาท จะขอเงินคืน 10 บาท

ด้าน พญ.รัชริน  เบญจวงศ์เสถียร ประธานองค์กรแพทย์โรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก กล่าวว่า องค์กรแพทย์ยืนยันว่า คุณภาพและความปลอดภัยของผู้ป่วยต้องมาก่อน และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ สปสช. และกระทรวงสาธารณสุข เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้างชำระโดยด่วน เพื่อไม่ให้ระบบบริการสุขภาพล้มเหลวในระดับพื้นที่ โดยมีข้อเรียกร้อง  1.ให้ สปสช. ดำเนินการชำระหนี้ค้างแก่โรงพยาบาลโดยเร่งด่วนและโปร่งใส  2.ให้กระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการรองรับเฉพาะหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้โรงพยาบาลต้องหยุดการให้บริการที่จำเป็น และ  3.ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันปรับปรุงระบบงบประมาณและการจ่ายชดเชย ให้สะท้อนต้นทุนจริงของการรักษาพยาบาล