บ้านเรือนไม้ 2 ชั้นทรงแปดเหลี่ยม 6 มุม สถาปัตยกรรมบ้านโบราณอายุกว่า 131 ปี ซึ่งทายาทรุ่นที่ 4 เข้ามาปรับปรุงแล้วเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและร้านกาแฟอีกแห่งหนึ่งของอำเภอบางระกำ ประกาศปิดบ้านแบบถาวร โดยให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและเก็บภาพที่ระลึกได้ในวันที่ 3 – 4 ตุลาคม เป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 152 ชุมชนบ้านเหนือ ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก แหล่งท่องเที่ยวชมบ้านไม้สักรูปทรงแปลกมีผนังบ้าน 6 เหลี่ยม ที่ก่อนหน้านี้มีถึง 8 เหลี่ยม อายุ 131 ปี เป็นบ้านหลังเดียวของเมืองพิษณุโลกที่ไม่มีใครเหมือน ของนายเป้า  อำไพพงษ์ โดยหลังจาก นายสณัฐ  อำไพพงษ์ ราชการบำนาญของการท่าเรือ ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลอำไพพงษ์ได้กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด และอนุรักษ์บ้านทรงโบราณหลังนี้ไว้ พร้อมกับเปิดให้ประชาชน อาจารย์ นักศึกษาได้เข้าชมมาหลายปีแล้ว กระทั่งนายสณัฐเสียชีวิตเดือน มิ.ย.2562 ด้วยวัย 79 ปี บ้านหลังนี้ก็ปล่อยทิ้งรกร้าง ไม่มีผู้ดูแลต่อ สภาพหน้าบ้านเต็มด้วยวัชพืช

และต่อมาทายาทรุ่นที่ 4 คือ พ.อ.อ.นิธิศ  ธนะชูติวีรนันท์ อายุ 38 ปี ได้ลาออกจากราชการและกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดใน อ.บางระกำ พร้อมกับเข้ามาปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณหน้าบ้าน บูรณะทำความสะอาดจัดเรียงสิ่งของภายในบ้าน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้เข้าชมบ้านโบราณอายุ 131 ปี อีกครั้ง และเปิดมุมกาแฟ ก่อนให้ผู้สนใจเข้าชมฟรีมาได้เกือบ 1 ปี พอมีการระบาดของโรคโควิด 19 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเงียบหายไป ไม่มีนักท่องเที่ยวมาแวะมาชม พ.อ.อ.นิธิศ จึงได้ลงข้อความประกาศยุติการเปิดบ้านให้เที่ยวชมทางเฟสบุ๊ก โดยในวันที่ 3-4 ตุลาคมนี้ จะเปิดโอการให้ผู้สนใจและนักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมและถ่ายภาพไว้ที่ระลึกได้ เป็นครั้งสุดท้าย จนส่งผลให้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและแสดงความเห็นใจ กันเป็นจำนวนมาก

พ.อ.อ.นิธิศ หรือ เฟริส เปิดเผยว่า บ้านหลังนี้เดิมตั้งอยู่ริมแม่น้ำยม อำเภอบางระกำ เดิมเป็นบ้านที่มีรูปทรง 8 เหลี่ยม ที่เป็นรูปทรงหนึ่งที่คนจีนโบราณเชื่อว่า เลข 8 จะนำมาซึ่งความมั่งคั่ง ร่ำรวยและนำพาสิ่งดี ๆ อันเป็นสิริมงคลแก่การดำเนินชีวิต ภายหลังแม่น้ำยมเซาะตลิ่งเข้ามาใกล้ตัวบ้าน เจ้าของจึงได้ทำการย้ายให้ไกลออกมาจากฝั่ง โดยใช้วิธีย้ายแบบดีดบ้านและลากเลื่อนมา โดยไม่ต้องรื้อหรือเอาสิ่งของภายในบ้านออก การรื้อยาวครั้งนั้น ตัวบ้านได้เกิดความเสียหายบางส่วนจึงได้ปรับแบบบ้านให้เหลือเพียง 6 เหลี่ยม เพื่อให้เข้ากับพื้นที่ 300 กว่าตารางวาของบริเวณบ้าน และที่เห็นเด่นชัดและสะดุดตาแก่ผู้ผ่านไปมาในชุมชนคือ บานประตูเฟี้ยม ที่เป็นไม้สัก ที่มีความงดงามและยังรักษาได้ในสภาพที่ดี รวมทั้งไม้ที่สร้างบ้านทั้งหมดก็เป็นไม้สักล้วน สำหรับบ้านโบราณหลังนี้ เจ้าของบ้านคือนายเป้า หรือ ก๋งเป้า อำไพพงษ์ ( รุ่นที่ 1 ) ที่เกิดในบ้านหลังนี้เมื่อ 114 ปีก่อน หรือ พ.ศ.2448 ส่วนผู้สร้างบ้านหลังนี้คือบิดาของก๋งเป้า คือ แป๊ะส้มมุ้ย  แซ่แต้ ที่มายึดอาชีพค้าขายในอำเภอบางระกำ จ.พิษณุโลก จึงประมาณการว่า การสร้างบ้านหลังนี้จะต้องสร้างก่อนก๋งเป้าเกิดประมาณ 15 – 16 ปี ปัจจุบัน พ.ศ.2563 บ้านจึงมีอายุประมาณ 131 ปี

พ.อ.อ.นิธิศ เปิดเผยต่อว่า จากคำบอกเล่าของ คุณลุงสณัฐ  อำไพพงษ์ บ้านหลังนี้บรรพบุรุษได้ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่อีกรุ่น โดยใช้ช่างจากกวางตุ้ง สร้างจากไม้สักเป็นท่อน ๆ 60-70 ท่อนซุง ในสมัยก่อนนำมาเลื่อยบริเวณจุดที่จะสร้างบ้าน โดยช่างใช้เวลาสร้างบ้านประมาณ 1 ปีกว่า หมดค่าจ้างสมัยนั้นประมาณ 7,000-8,000 บาท สำหรับตัวบ้านมีรูปทรง 8 เหลี่ยม มีห้องทั้งหมด 7 – 8 ห้อง  มีบันไดทางขึ้นชั้นถึง 3 ทาง ภายในยังมีพวกข้าวของเครื่องใช้ ที่มีขนาดใหญ่เช่นตู้ โต๊ะ เก้าอี้ ที่เป็นของโบราณมีอายุอยู่คู่บ้านมานาน  ความน่าสนใจคือสถาปัตยกรรมตัวบ้านแบบโบราณ ที่ช่างได้ทำไว้เป็นภูมิปัญญาที่หาดูได้ยาก มีการเตรียมป้องกับภัยโดยมีช่องทางลับหรือช่องส่องโจร ในการเฝ้าระวังบ้าน มีช่องเก็บสมบัติ ที่เจาะไว้กับเสาเรือนหรือพื้นบ้านเพื่อป้องกันภัยโจรปล้น   บันไดทางขึ้นบางจุดมีแผ่นไม้ปิด ที่สามารถเปิดจากด้านบนได้สะดวก มีกลอนสลักลงล็อคไว้แน่นหนา ซึ่งโจรไม่สามารถขึ้นมาได้ง่าย นอกจากนี้แต่ละห้องจะมีช่องลม ให้อากาศถ่ายเท ซึ่งบ้านสมัยปัจจุบันไม่มีให้เห็นแล้ว ส่วนหลังคาเป็นสังกะสีแผ่นหนาที่ไม่ผุกร่อนเหมือนแผ่นสังกะสีในปัจจุบัน บ้านยังคงสภาพสมบูรณ์แบบเหมือนเดิม

สำหรับความน่าสนใจของบ้านหกเหลี่ยมโบราณ อายุ 131 ปี ที่หลงเหลือหนึ่งเดียวใน จ.พิษณุโลก นอกจากความทนทานของไม้สัก ที่จะผ่านกาลเวลา และน้ำท่วมสูงบ่อยครั้ง แต่สภาพโครงสร้าง พื้นผนังของบ้านยังมั่นคงแข็งแรง หลังจากที่ทายาทรุ่นที่ 4 เข้ามาปรับปรุงแล้ว จะเปิดให้ผู้สนใจได้ชมบริเวณตัวบ้านมากขึ้น เปิดบานประตูให้กว้างเพื่อรับลมได้มาก และพาชมของโบราณที่ตระกูลเก็บสะสมสืบทอดกันมาทั้งชั้นล่างและชั้นสองของบ้าน โดยเฉพาะบริเวณชั้น 1 นั้น มีโอ่งหยกโบราณอายุ 100 ปีให้ได้ชม เป็นสินค้าแลกเปลี่ยนการค้าของเมืองไทยและจีนในสมัยโบราณ ขณะที่ชั้นสองของบ้านที่มีบันไดขึ้นถึง 3 บันไดนั้น จะเปิดให้ขึ้นได้ 1 บันได ข้างบนเก็บสิ่งของโบราณหลากหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์การค้าข้าวสมัยก่อน ของที่เก่าแก่ที่สุดคือผ้าลายปักจากเมืองจีน ที่มีอายุ 100 กว่าปี และนอกเหนือจากจะเดินชมบริเวณระเบียงชั้นสองได้รอบบ้านแล้ว ยังมีช่องให้ขึ้นไปชมโครงสร้างหลังคาของบ้าน ที่ทำบันไดเพื่อปีนขึ้นไปดูโครงสร้างของบ้านหกเหลี่ยมได้ ที่บ้านสมัยปัจจุบันไม่มีการสร้างแบบนี้แล้ว เพราะจะสร้างปิดทึบด้วยแผ่นกระเบื้องทั้งหมด

ที่ผ่านมาเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.00 –20.00 น. และเปิดมุมกาแฟให้ผู้สนใจได้สนับสนุน แต่ด้วยสภาพวิกฤตทางเศรษฐกิจ และโรคโควิด 19 ระบาด ทำให้ระยะ 4 – 5 เดือนที่ผ่านมา แทบไม่มีนักท่องเที่ยวแวะเข้ามาเที่ยวชมเลย บางวันมีรายได้จากการขายกาแฟได้เพียง 30 บาท ทำให้การดำรงชีพอยู่ไม่ได้ ก่อนหน้านี้ ได้มีความพยายาม ในการสร้างให้บริเวณบ้านและพื้นที่ชุมชน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงถึงกันได้  โดยเมื่อแวะมา อ.บางระกำ นักท่องเที่ยวสามารถแวะไหว้พระ ที่วัดสุนทรประดิษฐ์  ชิมก๋วยจั๊บโบราณ  เดินทางมาชมบ้านโบราณ 8 เหลี่ยม 6 มุม อายุ 131 ปี จากนั้นไปเที่ยวชม บ้านไทยทรงดำ วิถีชุมชนไทยทรงดำ เที่ยวชมบึงตะเคร็ง  และเดินทางไปท่องเที่ยวจุดท่องเที่ยวต่างๆ ได้  แต่ความพยายามไม่เป็นผลเนื่องจากไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลให้นักท่องเที่ยวได้ทราบ

นอกจากนี้ ตนยังเคยติดต่อทางสำนักงานการท่องเที่ยวจังหวัดพิษณุโลกเพื่อช่วยเหลือ ให้ข้อมูลด้านท่องเที่ยวบ้านโบราณบางระกำ ให้เป็นที่รู้จักกระจายไปทั่วประเทศ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ทำให้หมดหนทางในการสร้างแหล่งท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นในชุมชน  และด้วยภาระจากการดูแลบ้านโบราณที่มีค่าใช้จ่าย และไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้  จึงตัดสินใจยุติการเที่ยวชมบ้านโบราณทรงแปดเหลี่ยม 6 มุม ไปก่อน เพื่อรอโอกาสอันเหมาะสม หรือทางอำเภอมีแผนฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว ก็จะหวนกลับมาเปิดบ้านโบราณให้เที่ยวชมได้  แต่เวลานี้คงต้องปิดบ้านไว้ก่อน ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ สามารถแวะมาชมบ้านโบราณได้ในวันที่ 3 – 4 ตุลาคมนี้ เป็นครั้งสุดท้าย โดยจะเปิดบ้านแต่เช้า ให้นักท่องเที่ยวมากินไข่กระทะ อาหารเช้า กาแฟ ก่อนเที่ยวชมภายในบ้านและถ่ายภาพกันไว้เป็นที่ระลึก นับว่าเป็นการอำลาก่อนที่บ้านจะปิด เพราะโอกาสที่จะการเปิดบ้านให้ได้ชมกันอีกยังมองไม่เห็นเลย ส่วนตนคงจะไปทำอาชีพขับ จยย.รับส่งอาหารในตัวเมืองพิษณุโลก เพื่อหารายได้ยังชีพต่อไป บอกตรง ๆ ว่า “ขอยอมแพ้ครับ” พ.อ.อ.นิธิศ ทายาทรุ่นที่ 4 กล่าวตอนท้ายสุด

สำหรับผู้สนใจจะเข้าชมบ้านโบราณทรงแปดเหลี่ยม หกมุม ครั้งสุดท้าย ในวันที่ 3 – 4 ต.ค.นี้ สามารถเดินทางำแชมได้ที่ ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก โดยมีทางเข้าได้หลายจุด เส้นทางที่สะดวกคือเข้าทางซอยข้างปั๊มน้ำมันซัคโก้  จะอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนบ่อวิทยศึกษา จะมีป้ายบอกว่า เข้ามาที่บ้านโบราณ หรือ ชุมชนบ้านเหนือ ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 300  เมตร ก็จะพบบ้านโบราณอยู่ติดแม่น้ำยม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า