ชาวบ้านชุมชนประสงค์ประสาท 9 ครอบครัว ถนนพระองค์ดำ อ.เมือง จ.พิษณุโลก  ยังคงยืนหยัดทำสวนผักกลางเมือง บรรเทาผลกระทบด้านอาชีพ งานหลักได้รับผลกระทบจากโควิดระลอกที่ 3  พืชผักสวนครัวจากสภาพพื้นที่รกร้างว่างเปล่าเนื้อ1 ไร่เศษ ออกผลผลิตตลอดทุกวัน มีกิน มีขาย ผ่อนเบาภาระ รายจ่ายในครอบครัวลงไปได้มาก

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า ครบรอบ 1 ปี สวนผักกลางเมืองพิษณุโลก สู้พิษเศรษฐกิจผลกระทบจากโควิดระบาด ปัจจุบันพืชผักสวนครัวที่ชาวบ้านชุมชนประสงค์ประสาท จำนวน 9 ครอบครัว ริมถนนพระองค์ดำ (ซอยหน้าวัดใหม่อภัยยาราม) ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก ได้ปรับสภาพพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ขอใช้พื้นที่จากเอกชนผู้ใจดี เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เศษ มาปลูกพืชผักสวนครัวสารพัดชนิด ที่เป็นพืชระยะสั้นและไม่ใช้สารเคมี เพื่อเลี้ยงชีพหลังจากงานหลักได้รับผลกระทบจากโควิด 1 ปีผ่านไป ผลผลิตงอกงามเต็มพื้นที่ มีกินมีขาย แบ่งปันเพื่อนบ้านช่วยผ่อนเบาภาระรายจ่ายในครอบครัวได้มาก

สภาพที่ดินที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างวัดใหม่อภัยรามและสี่แยกบ้านแขก เป็นที่ดินทำเลทองใจกลางเมืองพิษณุโลก แต่เดิมถูกปกคลุมด้วยวัชพืช ชาวบ้านละแวกนี้รวม 9 ครอบครัว ได้ขออนุญาตเจ้าของที่ดินใช้ประโยชน์ แล้วช่วยกันปรับพื้นที่ปลูกพืชผักสวนครัวหลากหลายชนิด ตลอดปีที่ผ่านมาสามารถเก็บพืชผักระยะสั้น ทั้งพริก ผักชี ผักบุ้ง กวางตุ้ง คะน้า กระเพรา โหระพา ไปกินในครัวเรือนและนำไปขายที่ตลาดสดได้ทุกวัน ที่เหลือก็นำไปแบ่งปันแจกเพื่อนในละแวกเดียวกัน ส่วนกล้วยน้ำว้า มะละกอ เวลาผ่านไปหนึ่งปีเริ่มยืนต้นใหญ่มีผลผลิตออกมาได้กิน แม้กระทั่งใบตองก็สามารถตัดไปขายได้

นางสมพิศ  พันธุ์ไทย อายุ 53 ปี อดีตลูกจ้างโรงพิมพ์ไทยแลนด์การพิมพ์ ที่มีรายได้จากค่าแรงวันละ 200 บาท เปิดเผยว่า ช่วงปี 2553 หลังจากโควิด-19 เริ่มระบาดโรงพิมพ์ได้รับผลกระทบมากแทบไม่มีลูกค้าเลย ทำให้ตนไม่มีรายได้ เลยโทรศัพท์พูดคุยกับเฮียชัย เจ้าของที่ดินว่าอยากขอใช้พื้นที่ที่ว่างเปล่าปลูกผักกินกัน และเฮียชัยได้โทรศัพท์กลับมาบอกพวกตนในเวลาต่อมาว่า ให้ใช้ประโยชน์ที่ดินได้ พวกตนจึงเริ่มมาปรับพื้นที่ถางวัชพืชแล้วปลูกพืชผักสวนครัวที่ใช้เงินต้นทุนต่ำบริเวณที่ดินของเฮียชัย เป็นการปลูกแบบไม่ใช้สารเคมีเนื่องจากนำไปกินกันเอง และปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคเมื่อนำไปขายที่ตลาดสด ก็พอมีรายได้มากบ้าง น้อยบ้าง สลับกันไปแต่ละวัน

สำหรับที่ดินแปลงนี้ เป็นของเฮียชัย  นายธนันท์ชัย  วสุธรรม์ธีรกุล อายุ 60 ปีเศษ ภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ประกอบอาชีพค้าขายทั่วไป ซึ่งซื้อที่ดินแปลงนี้มาได้ประมาณ 5 ปีกว่าแล้ว เนื้อที่ประมาณ 5 งาน ราคาประเมินประมาณ 20 ล้านบาท เป็นการลงทุนทางธุรกิจที่ดิน ที่ผ่านมาก็ปลูกกล้วยไว้บ้าง แต่ช่วงโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 เห็นว่าชาวบ้านทุกคนล้วนได้รับผลกระทบกันหมด จึงบอกกับ นางรัตนา เจ้าของโรงพิมพ์วิมลการพิมพ์ ให้บอกชาวบ้านละแวกนั้นให้มาทำประโยชน์ปลูกพืชล้มลุกในที่ดินของตนได้ จะได้มีผักไว้บริโภคในครัวเรือน เหลือก็จำหน่ายเป็นรายได้จุนเจือกันในครอบครัวอีกทางหนึ่ง ชาวบ้านเมื่อทราบข่าวจึงรวมตัวกันจำนวน 9 ครอบครัวโทรศัพท์ติดต่อไปขออนุญาตและเริ่มปลูกพืชผักสวนครัวที่มีอายุสั้นเรื่อยมาถึงปัจจุบัน