เจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบเตรียมดำเนินคดีสั่งให้รื้อ ลุงเจ้าของร้านสมเกียรติการช่าง ต่อเติมบ้านรุกล้ำเขตทางหลวงออกมา 4.5 เมตร ก่ออิฐถือปูนติดกับเสาไฟฟ้าเรียบร้อย เคยถูกดำเนินคดีและให้รื้อมาแล้ว 1 ครั้งเมื่อปี 2563 เจ้าตัวอ้างมีใบอนุญาตให้ก่อสร้างได้ ขณะที่ทางหลวงยืนยันจะดำเนินคดีและขอให้รื้อถอนออกทันที

เมื่อเวลา 15:00 น. วันที่ 28 มีนาคม 2567 นางนภาพร  ตาแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลบ้านคลอง นายวัฒนา  สุราษฎร์มณี ปลัดอำเภอเมืองพิษณุโลก นายวันชัย  จันทีรกล นายช่างอาวุโสหมวดทางหลวงพิษณุโลก  นางสาวเสริมศรี  บุญคงผู้อำนวยการกลุ่มประชาชนการป้องกันการทุจริตภาค 6 สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 6 นายปริญญา  ขำคง พนักงานช่างระดับ 6 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.พิษณุโลก  ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ต.บ้านคลอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก เข้าตรวจสอบ ร้านสมเกียรติการช่าง เลขที่ 269/1 หมู่ 2 ต.บ้านคลอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ที่ต่อเติมด้านหน้าร้านรับเชื่อมเหล็ก ออกมาอยู่บนทางเท้าหรือรุกล้ำเข้ามาในเขตทางหลวง 4.5 เมตร โดยก่ออิฐเป็นผนังร่วมกับเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ว่ากล่าวตักเตือนโดยวาจา และจะแจ้งความดำเนินคดีกับ นายสมเกียรติ  ตุ่นใส อายุ 60 ปี เจ้าของร้านดังกล่าว

สำหรับการตรวจสอบการก่อสร้างรุกล้ำในเขตทางหลวงครั้งนี้ สืบเนื่องจาก Social มีการเรียกร้องถามถึงการก่อสร้างของร้านสมเกียรติการช่าง ที่ก่อสร้างอาคารกึ่งถาวร รุกล้ำออกมาเต็มทางเท้า ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่ามีการก่อสร้างรุกล้ำเขตทางหลวงจำนวน 2 อาคาร อาคารแรกบ้านเลขที่ 269 ได้ก่อสร้างเป็นโครงเหล็กและหลังคา รุกล้ำเขตทางหลวงจนติดถนน และอีก 1 อาคารที่อยู่ติดกันคือบ้านเลขที่ 269/1 ได้ก่อสร้างอาคารกึ่งถาวร 2 ชั้นโดยใช้เสาเหล็กเป็นโครงสร้าง และก่อปูนปิดทึบทั้ง 2 ด้าน ทั้งนี้ด้านหนึ่งได้ก่อปูนติดกับเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้าภูมิภาค นอกจากนี้ด้านบนหลังคายังทำเป็นลักษณะเป็นระเบียงสำหรับนั่งชมวิวอีกด้วย ซึ่งรุกเข้ามาในเขตทางหลวงระยะ 4.5 เมตร

ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ นายสมเกียรติ เจ้าของร้านสมเกียรติการช่าง ได้เดินทางมาถึงร้านและโวยวายกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ว่าโซเชียลเอาภาพร้านค้าตนไปลงทำให้ตนได้รับผลกระทบอย่างมาก และการก่อสร้างครั้งนี้ตนก่อสร้างตามพ.ร.บ.รักษาความสะอาด หากจะให้ตนรื้อถอนออกอีกครั้งนึงจะเป็นการเจรจากับผู้มีอำนาจและเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น และจะต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับรื้อถอนให้ด้วย พร้อมกับเดินเข้าไปในบ้านหยิบเอกสารที่อ้างออกมาให้เจ้าหน้าที่ดู เจ้าหน้าที่ร่วมกันตรวจสอบพบว่า เป็นใบแจ้งความของเจ้าหน้าที่ที่เคยแจ้งความนายสมเกียรติมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากดำเนินการก่อสร้างอาคารรุกล้ำเข้ามาในเขตทางหลวง และเป็นเอกสารว่ากล่าวตักเตือนพร้อมสั่งให้รื้อถอนอาคารไม่ใช่ใบอนุญาตให้ก่อสร้างแต่อย่างใด

ด้าน นางนภาพร  ตาแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลบ้านคลอง เปิดเผยว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตเทศบาลตำบลบ้านคลอง แต่หน่วยงานที่รับผิดชอบและมีหน้าที่โดยตรงคือแขวงทางหลวงพิษณุโลก ในส่วนที่เกี่ยวกับตำบลบ้านคลองนั้นสามารถดำเนินการได้ในด้านของ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด และที่ผ่านมาหลายครั้งได้ว่ากล่าวตักเตือนพร้อมกับแจ้งให้เจ้าหน้าที่แขวงพิษณุโลกทราบเพื่อดำเนินคดี ซึ่งมีการดำเนินคดีมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นเจ้าของร้านมีการรื้อถอนไปแล้ว ต่อมาปี 2563 มีการขยายถนนและทำฟุตบาทใหม่ จากแยกทางเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม (ส่วนทะเลแก้ว) ไปทางศูนย์การค้าเซ็นทรัลพิษณุโลกถึงสี่แยกบ้านกร่าง เมื่อแล้วเสร็จร้านสมเกียรติก็จะค่อย ๆ ขยับขยายก่อสร้างรุกล้ำอีก เทศบาลตำบลบ้านคลองก็ไม่นิ่งนอนใจ ส่งเจ้าหน้าที่เทศกิจไปว่ากล่าวตักเตือน และแจ้งให้เจ้าของพื้นที่คือแขวงทางหลวงพิษณุโลก ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีจนนำมาสู่วันนี้

ด้าน  นายวันชัย  จันทีรกล นายช่างอาวุโสหมวดทางหลวงพิษณุโลก เปิดเผยว่า แขวงทางหลวงพิษณุโลกเคยแจ้งความดำเนินคดีกับร้านสมเกียรติการช่างมาแล้ว 1 ครั้งเมื่อปี 2563 ซึ่งมีการก่อสร้างตัวอาคารรุกล้ำเข้ามาในเขตทางหลวงซึ่งครั้งนั้นจบที่ชั้นพนักงานสอบสวน นายสมเกียรติ ยินยอมรื้อถอนส่วนที่ลุกล้ำออกจากเขตทางหลวงภายในระยะเวลา 15 วัน ซึ่งในครั้งนั้นแขวงทางหลวงพิษณุโลกก็ไม่ได้ดำเนินคดี ต่อมาได้รับการร้องเรียนจากเทศบาลตำบลบ้านคลองเข้ามาหลายครั้ง แขวงทางหลวงพิษณุโลกได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาว่ากล่าวตักเตือนนายสมเกียรติให้หยุดดำเนินการและรื้อถอนส่วนที่รุกล้ำเข้ามาในเขตทางหลวง แต่ก็ไม่เป็นผล ยังคงมีการลักลอบต่อเติมเข้ามาเรื่อย ๆ ทั้ง 2 อาคารรวมแล้วลึกเข้ามาในเขตทางหลวง 4.5 เมตร ซึ่งครั้งนี้ตนจะนำเรียนให้ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงพิษณุโลก ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจเต็ม เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายสมเกียรติ ในข้อหาบุกรุกเขตทางสาธารณะตาม พ.ร.บ.ทางหลวง เพื่อสั่งให้มีการรื้อถอนส่วนที่รุกล้ำและดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกด้วย

• แชร์
• ทวีต
• ส่งไลน์