“ซ้อลักษณ์” ควงแขน “ปุ๊กกี้” พร้อมทนายและรองประธานมูลนิธิฯ ยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขายวุฒิการศึกษาคาดทำเป็นขบวนการ หลังพูดคุยทำความเข้าใจสุดท้ายยกมือไหว้ขอโทษคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยพิษณุโลกกลางที่ประชุม พร้อมแจ้งไม่ประสงค์เป็นนักศึกษาต่อ เพราะอยู่ จ.สกลนคร เดินทางมาเรียนลำบาก ทางมหาวิทยาลัยโอนเงินค่าลงทะเบียน 130,000 บาทคืนให้ทันที

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมสภา มหาวิทยาลัยพิษณุโลก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์  ภัทรสิริชัยสิน  รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วย นายชาญชัย  ฉายบุ ทนายความและที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม และซ้อลักษณ์ นางวิไลลักษณ์  ไชยชาญ รวมทั้ง น.ส.ปุ๊กกี้ ได้เดินทางมาพบคณะบริหารของมหาวิทยาลัยเพื่อยื่นหนังสือขอให้ทางมหาวิทยาลัยตรวจสอบว่าการซื้อขายวุฒิการศึกษามีการทำเป็นขบวนการหรือไม่ โดย  ดร.มานพ  เกตุเมฆ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยพิษณุโลก  นายชาตรี  จำลองกุล นิติกรมหาวิทยาลัยพิษณุโลก พร้อมด้วย พล.อ.ดร.ศิริ  ทิวะพันธุ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ฯ พล.ต.ท.เฉลิม  สุวรรณโอสถ กรรมการสภามหาวิทยาลัยพิษณุโลกและนิติกรของมหาวิทยาลัย ให้การต้อนรับเพื่อรับฟังความต้องการของ ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ และคณะ

โดย ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์  ภัทรสิริชัยสิน หรือทนายเจมส์ รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า ได้พานักศึกษาเดินทางมหาวิทยาลัยพิษณุโลกเป็นครั้งแรก หลังจากได้สมัครเป็นนักศึกษา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายวุฒิการศึกษา มีบุคคลที่เกี่ยวข้องที่เป็นเพียงอาจารย์ 1 ท่าน หรือมีท่านอื่นด้วยหรือไม่อย่างไร ซึ่งคุณลักษณ์ เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้มีการขยายผลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการขายวุฒิการศึกษา และอยากให้มหาวิทยาลัยชี้แจงถึงการตรวจสอบว่ามีอาจารย์และพวก จำนวนมากน้อยเพียงใด ซึ่งทั้งหมดจะเป็นผลดีกับทางมหาวิทยาลัยพิษณุโลกเอง หลังจากเกิดเรื่อง ปรากฏว่าทางมหาวิทยาลัย ได้ส่งบัตรนักศึกษาเข้ามาในระบบออนไลน์เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมานี้เอง เชื่อว่าวันนี้ประชาชน ผู้ปกครอง สงสัยว่ามีผู้ร่วมขบวนการ เพียง 1 ท่านจริงหรือไม่ และควรมีการขยายผลสอบสวนว่ามีผู้ร่วมกระบวนการอีกหรือไม่

ด้าน นางวิไลลักษณ์  ไชยชาญ หรือ ซ้อลักษณ์  นักศึกษาผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนหลงเชื่อให้มาเป็นนักศึกษา เพื่อจะได้วุฒิการศึกษาปริญญาตรี ด้วยได้รับการชักชวนว่าจะได้ค่าตำแหน่ง 4-5 แสนบาทต่อเดือน จากคนในมูลนิธิ ฯ เบื้องต้นได้จ่ายเงินผ่อนจ่าย 3 งวด งวดละ 50,000 บาท 2 ครั้ง และครั้งสุดท้าย 30,000 บาท  แล้วจะได้วุฒิเลย ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567  ได้เคยแย้งว่าผิดกฎหมาย ผู้ชักชวนอ้างว่าสามารถเคลียร์กับมหาวิทยาลัยได้ ว่าไม่มีปัญหา ตนเป็นเหยื่อเรื่องนี้ ขณะที่  ดร.มานพ  เกตุเมฆ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยพิษณุโลก  กล่าวชี้แจงว่า ได้มีการสมัครเรียนตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง มีการส่งเอกสารหลักฐานเข้ามาที่มหาวิทยาลัยอย่างครบถ้วน พร้อมกับเงินค่าสมัครเรียนแรกเข้า 1,500 บาทและค่าเทอม 130,000 บาท ซึ่งทางมหาวิทยาลัย ได้รับนักศึกษาตามขั้นตอน 3 คำ คือ มา – อยู่ – ไป โดยนักศึกษาเมื่อมาสมัครเรียน ทางคณะกรรมการจะมีการประกาศรายชื่อเสร็จ นำชื่อเข้าสู่ระบบนายทะเบียน เมื่อมาอยู่กับเรา  จากนั้นส่งชื่อไปที่คณบดีแต่ละคณะ เมื่อรับหมดแล้วจะแยกไปตาม หมวดการเรียนการสอน ทางคณะนั้น ๆ โดยนักฯศึกษาต้องเรียนเป็นเวลา 3 ปี 3 ปีครึ่ง หรือ 4 ปี แล้วแต่หลักสูตร หลังจากเรียนจบการศึกษาแล้ว ทางคณะกรรมการก็จะมาพิจารณาหลักสูตรว่าถูกต้อง ไหม ตรวจสอบว่ามีชื่อตั้งแต่แรกเข้าจริง จบจริง แล้วจะส่งชื่อไปผู้บริหารวิชาการว่า รายชื่อเข้ามาตอนแรกรับ กับรายชื่อเมื่อจบตรงกันไหม   เข้า-ออก จะมีการตรวจรายชื่อว่าเข้ามาจริง ไม่มีการเรียนก็ไม่จบการศึกษา สุดท้ายนักศึกษาที่จบจะเสนอคณะสภามหาวิทยาลัยเพื่อให้จบการศึกษาอีกครั้ง โดยนักศึกษาที่จบแล้วจะต้องมีอาชีพ มีงานทำ มีความซื่อสัตย์ พอเพียง ไม่สร้างความขัดแย้ง สร้างศัตรูและเป็นคนดีของสังคม

และหลังจากได้มีการเจรจาและสอบถามในเรื่อง การซื้อขายวุฒิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซ้อลักษณ์ และทีมทนาย ต่างเข้าใจและเชื่อว่าทางมหาวิทยาลัยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการซื้อขายวุฒิการศึกษา เป็นเพียงแค่ตัวบุคคลเท่านั้นและได้กล่าวขอโทษมหาวิทยาลัย ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทาง ดร.มานพ  เกตุเมฆ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยพิษณุโลก จึงได้สอบถามซ้อลักษณ์ว่า ยังมีความต้องการที่จะศึกษาต่อกับทางมหาวิทยาลัยหรือไม่ ทางมหาวิทยาลัยยินดีให้ศึกษาต่อได้ แต่ถ้าหากจะลาออกทางมหาวิทยาลัยก็ยินดีที่จะคืนเงินค่าเรียนจำนวน 130,000 บาทให้ทันที ซึ่งซ้อลักษณ์แจ้งความจำนงว่าจะไม่ขอเรียนต่อ ทางมหาวิทยาลัยจึงให้ซ้อลักษณ์ทำหนังสือขอลาออกพร้อมเซ็นเอกสารรับเงินค่าเล่าเรียนคืนไว้เป็นหลักฐานให้ด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของมหาวิทยาลัยได้ทำการโอนเงินคืนให้กับซ้อลักษณ์ทันที สร้างความดีใจให้กับซ้อลักษณ์และ น.ส.ปุ๊กกี้ ที่เดินทางไปด้วย ภายหลังจากได้รับเงิน ซ้อลักษณ์ บอกว่าจะนำเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและจ่ายเป็นค่าเทอมลูกต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า