อาสาวร้องสื่อ หลานสาวและเพื่อนๆ ที่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ถูกครูชาวต่างชาติที่สอนรายวิชาภาษาอังกฤษ กระทำอนาจาร โดยการจับหน้าอก และจับก้น บางคนซ้ำร้ายโดนล้วงกระโปรงเข้าไปในกางเกงชั้นในจนโดนเนื้อ บางคนถูกกระทำมาตั้งแต่ชั้น ป.2

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก ผู้ปกครองของ เด็กหญิงแดง (นามสมมติ) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ว่าหลานสาวเล่าให้ฟังว่า ตนเองได้ถูกครูชาวต่าง ที่เป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ ได้กระทำอนาจาร ด้วยการจับหน้าอก ทั้งบีบ และลูบไล้ พร้อมทั้งจับก้น ในคาบเรียนวิชาภาษาอังกฤษ โดยก่อเหตุเช่นนี้กับเด็กหญิงแดงมาแล้ว 3 ครั้ง ในห้วง 2 เดือน ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีเพื่อน ๆ ร่วมชั้นเรียนคนอื่นเคยถูกทำเช่นเดียวกันไม่ต่ำกว่า 5 คน บางคนถูกล้วงเข้าไปในกระโปรงและกางเกงชั้นในจนโดนเนื้อ และที่สำคัญ บางคนเคยโดนกระทำอนาจารมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จนปัจจุบัน อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ผ่านมาเคยแจ้งครูไปแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางครั้งครูบอกว่าครูเขาน่าจะเล่นด้วย หรือเอ็นดูหรือเปล่า เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.67) จึงได้ตัดสินใจบอกผู้ปกครอง

นางสาวเก่ง (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ผู้ปกครองของเด็กหญิงแดง (นามสมมติ) ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาสะใภ้เล่าให้ฟังว่า พ่อและแม่เด็กหญิงแดงแยกทางกัน เด็กหญิงแดงเลยอยู่กับคุณย่า ตนเป็นอาสะใภ้ก็ดูแลมาตั้งแต่เล็ก เป็นผู้ปกครองคอยรับคอยส่งไปโรงเรียนทุกวัน เคยได้ยินหลานเล่าให้ฟังว่าเพื่อนหลานเคยถูกครูต่างชาติคนดังกล่าวทำอนาจารมาประมาณ 1 ปีน่าจะได้ ตนก็เคยบอกให้หลานระมัดระวัง อย่าไปอยู่ใกล้ครูคนดังกล่าวมากนัก จนกระทั่งเหตุการณ์นี้มาเกิดกับหลานตน โดยเมื่อวานนี้ (3 ก.ค.67) ตนไปรับหลานกลับบ้านตามปกติ หลานตนบอกว่าหนูมีเรื่องอะไรจะเล่าให้ฟัง แล้วหลานก็เล่าว่าเมื่อวันศุกร์ถูกครูต่างชาติคนดังกล่าวทำอนาจารด้วยการจับก้น 1 ครั้ง และก่อนหน้านี้ 2 เดือนที่ผ่านมาก็ถูกทำอนาจารด้วยการจับหน้าอก 2 ครั้ง ภายในคาบเรียนรายวิชาภาษาอังกฤษ รวมเป็น 3 ครั้ง และเป็นการจับหน้าอกและจับก้นโดยตั้งใจ เพราะมีการบีบหน้าอกแล้วลูบไล้ด้วย ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นอกจากนี้ยังมีเพื่อน ๆ ในกลุ่มประมาณ 5 คน ที่สนิทกัน ก็โดนทำอนาจารลักษณะคล้าย ๆ กัน หนักที่สุดบางคนถูกล้วงเข้าไปใต้กระโปรง ล้วงเข้าไปในกางเกงชั้นในจนโดนเนื้อ บางคนก็ถูกกระทำอนาจารมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จนปัจจุบันอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

นางสาวเก่ง กล่าวต่อว่าหลังจากทราบเรื่องก็ตกใจที่หลานตนถูกกระทำแบบนี้ จึงให้หลานติดต่อกลุ่มเพื่อนที่โดนลักษณะเดียวกันพร้อมคุยกับผู้ปกครองของเด็กๆ ทั้งหมด เพื่อนัดหมายเข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียนในวันนี้ เพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีผู้ปกครอง 1 ท่านมาไม่ได้เพราะติดงาน จึงมีตนและผู้ปกครองอีก 3 ท่านที่มาได้ โดยช่วงเช้าตนได้ยื่นคำขาดหากไม่ได้พบผู้อำนวยการโรงเรียนก็จะเดินทางไปแจ้งความ จนกระทั่งช่วงประมาณ 9.00 น. ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ให้เข้าพบ และให้รองผู้อำนวยการโรงเรียนซึ่งเป็นผู้หญิงเรียกเด็กเข้าไปสอบถามเหตุการณ์ทีละคน หลังจากนั้น ทางผู้อำนวยการโรงเรียนได้เรียกครูต่างชาติคนดังกล่าวเข้ามาพบตนและเด็ก โดยครูต่างชาติคนดังกล่าวไม่ยอมรับว่าทำผิด บอกแค่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ใช่การกระทำอนาจาร และกล่าวคำว่า ซอรี่ เท่านั้น ซึ่งตนเองก็ยังไม่ค่อยพอใจกับการกระทำดังกล่าว ตนต้องการให้ครูต่างชาติคนดังกล่าว ยุติการสอน ไม่ว่าโรงเรียนแห่งนี้หรือโรงเรียนเรียนอื่นๆ ด้วย คือไม่อยากให้เป็นครูอีกแล้ว เพราะการกระทำแบบนี้ไม่ควรเป็นครู ซึ่งทางผู้อำนวยการโรงเรียนเองก็พยายามขอร้องว่าให้เรื่องเงียบ ขอร้องไม่ให้ตนไปแจ้งความเพราะกลัวเสียชื่อโรงเรียน จะนำกระเช้าไปขอโทษผู้ปกครอง รับปากจะดูแลอย่างดี จะเยียวยาเป็นขวัญและกำลังใจ ขอแค่ไม่แจ้งความ แต่ตนมองว่ามันไม่ถูกต้อง

วันนี้จึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับนักข่าวฟัง เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้ไปเกิดขึ้นกับลูกหลานคนอื่นอีก และข้อเท็จจริงโรงเรียนควรจะปกป้องคือเด็ก ๆ เพราะเขาเป็นผู้ถูกกระทำ จิตใจเขาบอบช้ำ ที่สำคัญเด็กบางคนนั้นโดนกระทำมากกว่าหลานตน และเด็กบางคนไม่กล้าที่จะบอกผู้ปกครอง เขาต้องเก็บไว้คนเดียว เต็มที่ก็บอกได้แค่เพื่อนสนิท ตนมองว่าเด็กเหล่านี้น่าสงสาร และที่สำคัญระยะเวลา 1 ปี ที่ตนทราบเรื่องนี้มาจากที่หลานเล่าให้ฟังว่า เพื่อนๆ โดน และเคยบอกครูแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขอะไร ครูต่างชาติคนดังกล่าวก็ยังสอนมาจนถึงทุกวันนี้ ครูบางคนกลับบอกกับเด็กว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือเปล่า บังเอิญหรือเปล่า ครูเขาแค่เล่นด้วยหรือเปล่า ครูเขาแค่เอ็นดูหรือเปล่า นั่นหมายความว่าครูกลับไม่เชื่อเด็ก หาว่าเด็กเข้าใจผิดไปเองงั้นเหรอ วันนี้ตนจึงอยากเรียกร้องให้ทางโรงเรียนจัดการปัญหานี้โดยเร็ว และเร่งสอบว่ามีเด็กคนอื่นอีกหรือไม่ ที่ถูกกระทำอนาจารแต่ไม่กล้าบอกใคร

ล่าสุดเวลาประมาณ 13.00 น. ผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการฯ และครูประจำชั้น ได้พาผู้ปกครองทั้ง 4 ท่าน ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองพิษณุโลก และมีคำสั่งยุติการจัดการเรียนการสอนของครูชาวต่างชาติคนดังกล่าว โดยให้มีผลทันที และจะดำเนินการทำเรื่องเชิญให้ออกจากสถานศึกษา และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า